เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2556 ที่ห้องแววราไวย์ โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการส่งเสริมสตรีกับการมีส่วนร่วมทางการเมือง ประจำปี 2556 ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดภูเก็ต (กกต.ภูเก็ต) จัดขึ้น
โดยมีนายกิติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผู้อำนวยการ กกต.ภูเก็ต และผู้เข้าร่วม ประกอบด้วย กลุ่มสตรีที่มีสิทธิเลือกตั้ง ได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครพัฒนาชุมชน (อช.) และนักศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดภูเก็ต
นายกิติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผู้อำนวยการ กกต.ภูเก็ต กล่าวว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 บัญญัติให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนหรือประสานงานกับหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือสนับสนุนองค์การเอกชนในการเผยแพร่วิชาการ ให้ความรู้และการศึกษาแก่ประชาชน เกี่ยวกับการพัฒนาการเมือง และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน และส่งเสริมให้ประชาชน และส่งเสริมให้ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม
“การจัดอบรมในครั้งนี้ เพื่อให้เครือข่ายสตรีได้มีส่วนร่วมในการให้ความรู้เกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และสร้างเจตคติที่ดีในทางการเมืองการปกครองให้เกิดแก่กลุ่มสตรีอย่างต่อเนื่อง และเป็นการขยายพื้นที่ทางการเมืองให้สตรีได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเลือกตั้งมากขึ้น
เพื่อเป็นเวทีในการทบทวนบทบาทและสถานภาพของสตรีในทางการเมือง นำมาวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้นกับกระบวนการเข้าสู่การเป็นตัวแทนของสตรีในการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น รวมทั้งเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญในบทบาทสตรีกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองในภาพรวมทั่วประเทศ” นายกิติพงษ์ กล่าว
ขณะที่นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งยังขาดความรู้ ความเข้าใจ ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่เห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมทางการเมือง และยังขาดจิตสำนึกในวัฒนธรรมการเมืองที่สอดคล้องกับวิถีประชาธิปไตย ทำให้การเลือกตั้งทุกระดับทั้งระดับชาติ และระดับท้องถิ่นที่ควรจะเป็นกระบวนการพิจารณาเลือกสรรคนดี มีความสามารถ เข้ามาเป็นตัวแทนทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร
แต่กลับมีการซื้อสิทธิขายเสียงกันเป็นจำนวนมาก ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังเข้าใจผิดด้วยว่า การเลือกตั้งเป็นเรื่องของประชาธิปไตยแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะการเลือกตั้งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงคำว่าประชาธิปไตยจะต้องประกอบไปด้วยแนวคิดที่มากกว่าการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของความยุติธรรม ความเป็นธรรม ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ยึดหลักนิติธรรม คือ การยึดกฎหมายบ้านเมืองเป็นหลัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น