เมื่อเวลา 08.00 น.ของวันที่ 24 มีนาคม 2553 นายสังข์ ปอดมี ประธานและสมาชิกชมรมประมงพื้นบ้านหมู่ที่ 8 บ้านบางลา ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยนายอธิพงษ์ คงนาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าคลอก อ.ถลาง ได้เข้าตรวจพื้นที่บริเวณท่าเทียบเรือคลองบางกา ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ภูเก็ต ภายหลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า มีสัตว์ทะเลเช่น กุ้งทะเล ปลากระบอก ปลาบู่ ปลาดุกทะเล หอย เป็นต้น ซึ่งอาศัยอยู่ในลำคลองดังกล่าวลอยตายเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่า เป็นช่วงที่น้ำทะเลลง ทำให้เห็นน้ำมีสีดำและมีกลิ่นเหม็น
ทั้งนี้นายสังข์ ปอดมี ประธานชมรมชาวประมงพื้นบ้านหมู่ที่ 8 บ้านบางลา กล่าวว่า ปัญหาการปล่อยน้ำเสียลงคลองบางกา เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ปีละอย่างน้อยละ 2 ครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านได้ร้องเรียนปัญหาที่เกิดขึ้นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด เพื่อให้เข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แต่ที่ผ่านมาไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร และเป็นปัญหาเรื้อรังมาเป็นเวลานับ 10 ปีแล้ว เพราะนอกจากจะเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรชายฝั่งทางทะเลอย่างร้ายแรงแล้ว การปล่อยน้ำเสียลงมาในแต่ละครั้งจะมีสัตว์น้ำวัยอ่อนตายเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบกับการประกอบอาชีพของชาวประมงพื้นบ้านด้วย ซึ่งในส่วนของชาวบ้านไม่ได้ขัดขวางในการทำนากุ้ง เพียงแต่อยากให้ผู้ประกอบการหาแนวทางป้องกันและจะต้องไม่ปล่อยน้ำเสียลงในลำคลอง
“ที่ผ่านมามีชาวบ้านประมงพื้นบ้านที่ประกอบอาชีพทำการประมงชายฝั่ง และเลี้ยงปลาในกระชังบริเวณในคลองบางกา จำนวนประมาณ 30 ราย แต่จากปัญหาน้ำเสียที่เกิดขึ้นทำให้ปัจจุบันนี้ไม่สามารถที่จะเลี้ยงปลาในกระชังได้ เนื่องจากทุกๆ 6 เดือน จะมีการปล่อยน้ำเสียจากบ่อกุ้งลงมา รวมทั้งการทำประมงชายฝั่งต้องนำเรือออกไปจับปลาในทะเลไกลมากขึ้น” นายสังข์กล่าว
ขณะที่นายอธิพงษ์ คงนาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าคลอก กล่าวว่า เหตุที่น้ำทะเลในคลองบางกาเน่าเสียน่าจะเกิดจากการลักลอบปล่อยน้ำเสียของนากุ้งในพื้นที่ใกล้เคียง ส่งผลให้สัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ในคลองบางกาตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เป็นปัญหานี้ได้เกิดขึ้นต่อเนื่องมาแล้วหลายปี และที่ผ่านมาได้เคยมีการหารือและขอความร่วมมือไม่ให้มีการปล่อยน้ำเสียจากบ่อเลี้ยงกุ้งลงในคลองดังกล่าวมาแล้ว เพราะน้ำในคลองจะไหลลงสู่ทะเล ที่สำคัญน้ำที่ปล่อยลงมาได้ส่งผลให้ปลาที่อาศัยอยู่ตายเป็นจำนวนมาก หลังจากนี้คงจะต้องไปแจ้งความไว้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้สอบสวนหาผู้กระทำความผิดต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น