จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

งานย้อนอดีต สร้างความคึกคักย่านเมืองเก่าภูเก็ต


เมื่อเวลา 19.30 น.ของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 53 ที่ผ่านมา ที่บริเวณเวทีกลาง สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงานตรุษจีน – ย้อนอดีตเมืองภูเก็ต ครั้งที่ 11 ซึ่งทางเทศบาลนครภูเก็ต ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ สมาคมเพอรานากัน ชุมชน OLD PHUKET TOWN (ย่านเมืองภูเก็ต) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้น เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นคุณค่าของสถาปัตยกรรม ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในเขตเมือง อันจะนำมาซึ่งการฟื้นฟูของเศรษฐกิจ โดยได้รับความสนใจจากประชาชนชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวเข้าร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก ที่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี ถนนถลาง ซอยรมณีย์ ถนนกระบี่ และถนนภูเก็ตการ ซึ่งงานจะมีไปจนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้


น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า การจัดงาน ตรุษจีน-ย้อนอดีตเมืองภูเก็ต ครั้งที่ 11 เป็นกิจกรรมหนึ่งภายใต้โครงการพัฒนาและอนุรักษ์ในเขตสิ่งแวดล้อมศิลปกรรมย่านการค้าเมืองเก่าภูเก็ต เป็นกิจกรรมที่เทศบาลฯ ดำเนินการร่วมกับประชาชนในพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2541 จนปัจจุบัน รวมระยะเวลา 11 ปี เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นคุณค่าของสถาปัตยกรรม ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในเขตเมือง อันจะนำมาซึ่งการฟื้นฟูของเศรษฐกิจ


กิจกรรมหลักๆ ภายในงาน ประกอบด้วย การสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิม บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาฯ นิทรรศการทางวิชาการ ณ บ้านเลขที่ 63 ถนนถลาง การเสวนาภาษาภูเก็ตกับปราชญ์ท้องถิ่น หมู่บ้านชิโน ตลาดบาบ๋า เพอรานากัน การแสดงแสง สี เสียง “บาบ๋าเมืองภูเก็ต (Phuket Baba Light Show)” การแสดงและการละเล่นต่างๆ ตามแนวถนน การออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง อาหารและขนมโบราณ การล่องเรือกอจ๊าน การจัดทำแสตมป์ถ่ายรูปย้อนยุค โดยบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด และการนั่งรถสามล้อภูเก็ตชมเมืองเก่า ซึ่งจะจัดให้บริการตั้งแต่วันที่ 15-21 กุมภาพันธุ์นี้ ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป โดยจุดให้บริการอยู่ที่บ้านเลขที่ 63 ถนนถลาง นอกจากนี้ ททท.สำนักงานภูเก็ต ยังได้นำการแสดงนาฎศิลป์ จาก 10 มณฑลของสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย เช่น มวยกังฟูจากวัดเส้าหลิน การแสดงเปลี่ยนหน้ากากจากเมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน การแสดงหุ่นกระบอกจีนจากมณฑลกวางสี การระบำเจียงหนานจากมณฑลเจ้อเจียง ระบำมองโกลจากมองโกเลียใน งิ้วในราชสำนักจี๋หลิน เป็นต้น


โดยในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งเป็นวันที่สองของการจัดงานจะมีขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่ตระการตาตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งจะมีขบวนแห่ ประกอบด้วย ขบวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และขบวนทางวัฒนธรรม โดยเคลื่อนจากเวทีกลางสะพานหิน ตรงเข้าถนนภูเก็ต ผ่านวงเวียนสุรินทร์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัษฎา เลี้ยวขวาวงเวียนสุริยเดช เข้าถนนเยาวราช เลี้ยวขวาเข้าถนนถลาง ตรงไปจนถึงสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี และวันสุดท้ายของงานซึ่งตรงกับวันไหว้เทวดา ก็จัดให้มีพิธีไหว้เทวดาขึ้นในเวลา 23.00-24.00 น. บริเวณด้านหน้ารูปปั้นพญามังกร (ฮ่ายเหล็งอ๋อง) เพื่อความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองของเมืองภูเก็ต น.ส.สมใจกล่าว

มรภ.ภูเก็ต ต้อนรับ มรภ.เชียงราย


ผศ.ทรงเกียรติ ภาวดี ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ และคณะเจ้าหน้าที่หอสมุด ให้การต้อนรับคณะบุคลากร จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ที่ได้เดินทางมาศึกษาดูงาน ณ หอสมุด มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เพื่อศึกษาระบบการเข้าถึงแหล่งข้อมูลสารสนเทศพร้อมเยี่ยมชมการดำเนินงาน และนำไปพัฒนาศักยภาพ เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ ตลอดจนได้มีโอกาสเรียนรู้แนวคิด และระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย นำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารงานของสำนักวิทยบริการฯ ม.ราชภัฏเชียงรายต่อไป


วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

“ท่องโพถ้อง ฮกคี...ฮกจ๋าย...ตรุษจีน”



เมื่อเวลา 13.30 น.ของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 53 นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานภูเก็ต พร้อมด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ นั่งรถโพถ้องซึ่งเป็นรถพื้นเมืองของภูเก็ตตามโครงการ “ท่องโพถ้อง ฮกคี...ฮกจ๋าย...ตรุษจีน” ออกจากบริเวณหน้าสำนักงาน ททท.ภูเก็ต ถนนถลาง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เดินทางไปสักการะองค์เทพตามศาลเจ้าต่างๆ ในเขตตัวเมืองภูเก็ต จำนวน 5 ศาลเจ้า ได้แก่ ศาลเจ้าบางเหนียว ศาลเจ้า กิ้วเทียนเก้ง ศาลเจ้าปุดจ้อ ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง และศาลเจ้าแสงธรรม เพื่อขดพรในช่วงตรุษจีน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะจัดไปจนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ โดยคิดค่าบริการคนละ 50 บาท ซึ่งรายได้ทั้งหมดมอบให้กับศาลเจ้ าแสงธรรม เพื่อใช้ในการบูรณะศาลเจ้า


นางบังอรรัตน์ กล่าวว่า ในแต่ละศาลเจ้าจะมีองค์พระศักดิ์สิทธิตามความเชื่อที่แตกต่างกัน เริ่มจากศาลเจ้าบางเหนียว ซึ่งเป็นหนึ่งในศาลเจ้าเก่าแก่มีอายุกว่า 100 ปี และมีการประกอบเพณีถือศีลกินผัก ถัดมาเป็นศาลเจ้ากิ้วเทียนเก้ง ตั้งอยู่บริเวณปลายแหลมสะพานหินไหว้องค์กิ้วเที้ยนเอียนลื้อและองค์ซำโป้ฮุก เพื่ออธิฐานขอพรให้เกิดความสุขทางบารมี จากนั้นเดินทางไปยังศาลเจ้าปุดจ้อ ไหว้ขอพรเจ้าแม่กวนอิมไทโส่เอี๋ย(เทพดาวนพเคราะห์) และจ่ายสินเอี๋ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ รวมทั้งฮ้อเอี๋ย ซึ่งเป็นองค์เทพประจำปีเสือเพื่อปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัยมีแต่ความสุข ต่อไปยังศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง ขอพระจากองค์เทพอธิฐานขอพรให้มีความสุขภาพแข็งแรง รับประทานอาหารว่างพร้อมขนมอันเป็นสิริมงคล เพื่อให้ชีวิตมีแต่ความรุ่งเรือง ปิดท้ายที่ศาลเจ้าแสงธรรม สักการะองค์เทพสุ่นต่ายใส เพื่อขอพรให้เป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด




นอกจากนี้ ททท.ยังได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมงานตรุษจีน-ย้อนอดีตเมืองภูเก็ตครั้งนี้ด้วยการนำการแสดงนาฎศิลป์จาก 10 มณฑลของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมาสร้างสีสันภายในงาน อาทิ มวยกังฟูจากวัดเส้าหลิน การแสดงเปลี่ยนหน้ากากจากเมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน การแสดงหุ่นกระบอกจีนจากมณฑลกวางสี การระบำเจียงหนานจากมณฑลเจ้อเจียง ระบำมองโกลจากมองโกเลียใน งิ้วในราชสำนักจี๋หลิน ระบำเฮยหลงเจียง จากเมืองฮาร์บิน เป็นต้น โดยการแสดงทั้งหมดจัดขึ้นที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี และในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เวลา 19.00 – 22.00 น.ก็จะนำการแสดงบางส่วนไปจัดแสดงที่ห้างสรรพสินค้าจังซีลอนป่าตองด้วย นางบังอรรัตน์ กล่าว

รวบทันควันคนร้านชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ


เมื่อเวลา 13.30 น.ของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 53 ที่ห้องประชุม สภ.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ปป.สภ.ฉลอง พร้อมมด้วย พ.ต.ท.ธเนศ พวงมณี รองผกก.สส.พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส.และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายมงคล ปิ่นตาจันทร์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/113 ม.1 ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางเงินเหรียญ10 บาท จำนวน 360 บาท กระเป๋าสะพายสีน้ำเงิน 1 ใบ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮ้อนด้า หมายเลขทะเบียน กฉฉ-404 ภูเก็ต ก้อนอิฐขนาด 28 คูณ 4 นิ้ว 1 ก้อน หมวกกันน๊อคสีดำ 1 ใบ หลังจากก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ สาขาราไวย์ ถนนวิเศษ เลขที่ 48 ม.5 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยจับกุมได้ที่บริเวณถนนกะตะ – ใสยวน ม.7 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าทีจึงแจ้งข้อกล่าวหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนต่อไป

พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ปป.กล่าวว่า ด้วยเมื่อเวลา 04.30 น.ของวันที่ 19 ก.พ. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ฉลอง ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ที่ร้านสะดวกซื้อ สาขาราไวย์ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบและดูกล้องวงจรปิดทราบว่าผู้ต้องหาได้ใช้รถจักยานยนต์ขับมาที่ร้านเซ่เว่นอีเลิฟเว่นเพียงคนเดียว จากนั้นก็ได้เดินเข้าไปภายในร้าน ก่อนที่จะหยิบก้อนหินที่อยู่ภายในกระเป๋าออกมาขู่พนักงานเก็บเงินของร้านและข่มขู่ว่าจะทำร้ายหากไม่ยินยอมส่งเงินมาให้ พนักงานเกิดความกลัวจึงได้หยิบเหรียญ 10 ที่เหลือจากเก็บใส่เซฟจำนวน 360 บาท และเงินสดอีกจำนวนหนึ่งไป จากนั้นผู้ต้องหาผู้ต้องหาได้ขับรถหลบหนีไป ต่อมาจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สกัดจับกุมผู้ต้องหาได้ขณะขับรถจักรยานยนต์อยู่ที่บริเวณถนนกะตะ-ใสยวน ม.7 ต.ราไวย์ สอบสวนให้การว่าไม่มีเงินและต้องการนำเงินไปใช้ส่วนตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวดำเนินคดีดังกล่าว



สภาทต.รัษฎาสมัยแรก ปี 53 อนุมัติปลี่ยนแปลงงบ


เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 53 ที่ผ่านมา ห้องประชุมสภาชั้น 5 สำนักงานเทศบาลตำบลรัษฎา อ.เมือง ภูเก็ต นายชาติชาย เชื้อชิต ประธานสภาเทศบาลตำบลรัษฎา เป็นประธานการประชุมสภาเทศบาลตำบลรัษฎา สมัยแรก ประจำปี 2553 โดยมีนายสุรทิน เลี่ยนอุดม นายกเทศมนตรีตำบลรัษฎตลอดจนคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลตำบลรัษฎา และหัวหน้าส่วนเข้าร่วมประชุม

โดยวาระการประชุมที่สำคัญประกอบด้วย สภาได้อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงการจัดซื้อรถบรรทุกขยะ ชนิดอัดท้ายขนาด6 ล้อ ตู้บรรทุกมูลฝอยมีขนาดความจุไม่น้อยกว่า 6 ลบ.ม.จำนวน 1 คัน งบประมาณ 2,200,000 บาท เป็นการจัดซื้อรถปิกอัพบรรทุกขยะชนิดเปิดข้างเทท้าย ตู้บรรทุกมูลฝอยมีขนาดความจุไม่น้อยกว่า 4 ลบ.หลา จำนวน 1 คัน งบประมาณ 750,000 บาท พร้อมกันนี้ได้โอนงบประมาณที่เหลือจำนวน 1,450,000 บาทไปตั้งจ่ายเป็นรายการใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2553 ประกอบด้วย


แผนงานสาธารณสุข งานบริการสาธารณสุขและงานสาธารณสุขอื่น หมวดค่าครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ประเภท ครุภัณฑ์การเกษตร จัดซื้อหัวดูดพญานาค ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้ว ความยาว 6 เมตร เป็นเงิน 8,000 บาท, จัดซื้อเครื่องให้อากาศแบบตีผิวน้ำ ขนาด 4 ใบพัด จำนวน 4 เครื่อง เป็นเงิน 92,000 บาท

แผนงานเคหะและชุมชน งานกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล หมวดค่าครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ค่าครุภัณฑ์ ประเภท ค่าบำรุงปรับปรุงครุภัณฑ์ (วงเงินเกิน 5,000 บาท) เป็นเงิน 250,000 บาท หมวดค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ ค่าใช้สอย ประเภทรายจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งบริการค่าธรรมเนียมการกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล เป็นเงิน 1,000,000 บาท


แผนงานสาธารณสุข งานบริการสาธารณสุขและงานสาธารณสุขอื่น หมวดค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ ค่าตอบแทน ประเภทค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ เป็นเงิน 100,000 บาท

นอกจากนี้สภายังได้อนุมัติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำชี้แจงงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2553 โครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ งบประมาณ 50,000 บาท โดยการขออนุมัติจัดซื้อและราคาตามท้องตลาด แต่เนื่องจากเป็นครุภัณฑ์ที่ไม่ปรากฏในบัญชีราคามาตรฐานครุภัณฑ์ของสำนักงบประมาณ จึงได้มีการจอเปลี่ยนแปลงเป็นการจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 2 เครื่องและพริ้นเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง งบประมาณ 50,000 บาท


พร้อมกันนี้สภายังได้มีการสรรหาและคัดเลือกผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเป็นคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนบ้านกู้กู เพื่อทดแทนนายภูดิท รักษาราษฎร์ ที่ได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี โดยที่ประชุมได้เสนอ นายชวลิต จิตจำนอง เป็นคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนบ้านกู้กู


แผนฝังเวทีการแสดงในงานย้อนอดีตโดยสังเขป

แผนฝังเวทีการแสดงในงานย้อนอดีตโดยสังเขป



กำหนดการ งานตรุษจีน ย้อนอดีตเมืองภูเก็ต

กำหนดการ งานตรุษจีน ย้อนอดีตเมืองภูเก็ต



วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทอดผ้าป่าหนังสือและของเล่น


คณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ร่วมบริจาคตุ๊กตาในโครงการทอดผ้าป่าหนังสือและของเล่น เพื่อนำไปมอบให้แก่ห้องสมุดเด็กวัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา โดยทางโรงพยาบาลฯ เปิดรับบริจาคทั้งหนังสือเรียน นิทาน หนังสือความรู้ทั่วไป อุปกรณ์กีฬา ของเล่นเสริมจินตนาการต่างๆ ทั้งแบบใหม่และของมือสอง ท่านใดสนใจสามารถร่วมบริจาคได้ที่กล่องรับบริจาคบริเวณแผนกต้อนรับและบริการชั้น 1 โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 1719 ต่อ 2297

การใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ


คุณปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และคุณนนทลี มรรคาวาณิช ประธานมูลนิธิมรรคาวาณิช ร่วมบรรยายในหัวข้อ การใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (EM) กับสิ่งแวดล้อม ให้แก่นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต โดยอธิบายหลักการทำงานของจุลินทรีย์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจก่อนให้นักศึกษาทุกคนได้ทดลองผสมน้ำ EM ขยายด้วยตัวเอง แล้วนำกลับไปใช้ที่บ้านเพื่อช่วยลดการใช้สารเคมีที่ทำลายสิ่งแวดล้อมในชุมชน โดยเตรียมสานต่อโครงการปั้น EM Ball เพื่อช่วยบำบัดแหล่งน้ำเสียบริเวณคูน้ำรอบมหาวิทยาลัยฯ ต่อไปด้วย

คืนกัลปังหาสู่ทะเล


เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 ที่บริเวณกระชังเลี้ยงปลาของนายจรูญ ก้อนทรัพย์อยู่ ตั้งอยู่บริเวณหน้าชายหาดป่าหล่าย อ่าวฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่จากสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน จ.ภูเก็ต ร่วมกับอาสาสมัครนักดำน้ำช่วยกันขนย้ายต้นกัลปังหาสายพันธุ์เมลิเทีย ขนาดต่างๆ ซึ่งนายจรูญ ทำการเลี้ยงไว้รอบๆ กระชังเลี้ยงปลา เพื่อไปปลูกที่บริเวณอ่าวชายหาดเขาขาด และบริเวณสะพานสถาบันวิจัยฯ ตามโครงการคืนกัลปังหาสู่ทะเล ซึ่งสมาคมกรีนฟินส์ และสถาบันวิจัยฯ รวมทั้งนายจรูญ ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อศึกษาการปลูกกัลปังหา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของจังหวัดภูเก็ต

นางสาวเทพสุดา ลอยจิ้ว นักวิชาการศึกษาเรื่องกัลปังหา สถาบันวิจัยฯ กล่าวว่า ในทะเลมีกัลปังหาอยู่จำนวนกว่า 24 สายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์เมลิเทียเป็นกัลปังหาที่พบในทะเลน้ำตื้นจะมีหลายสีทั้งสีแดง สีเหลือง สีส้ม สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในระดับน้ำลึกไม่เกิน 5 เมตร โดยปะการังที่มีการย้ายปลูกมีจำนวนมากกว่า 100 กอ


“จำนวนของกัลปังหาขณะนี้ถือว่ามีปริมาณลดลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับปะการัง เนื่องจากบางครั้งจะถูกเรือประมงลากทำลาย ในส่วนของนักวิชาการนั้นอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเพาะขยายพันธุ์กัลปังหาชนิดต่างๆ เพื่อให้อยู่คู่กับทะเลต่อไป ส่วนการเพาะและย้ายในลักษณะเช่นนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก โดยโอกาสรอดน่าจะมีสูงเพราะการย้ายไปปลูกยังพื้นที่ใหม่นั้นจะให้มีรากติดไปด้วย ไม่ได้หักเฉพาะกิ่งเท่านั้น และที่ทราบข้อมูลทางเจ้าของกระชังได้ดำเนินการมาแล้วหลายครั้ง”


ขณะที่นายจรูญ ก้อนทรัพย์อยู่ เจ้าของกระชังเลี้ยงปลาและเพาะเลี้ยงกัลปังหา กล่าวว่า จากการที่เคยได้ย้ายกัลปังหาจากกระชังไปปลุกไว้บริเวณทะเลหน้าเขาขาด พบว่ามีการเติบโตที่ดี และในระหว่างที่เลี้ยงกัลปังหาไว้ในกระชังก็กลายเป็นแหล่งอาศัยของลูกปลาและสัตว์ทะเลขนาดเล็ก โดยจะมีการปล่อยพ่อแม่พันธุ์ปลาเลี้ยงในกระชังและให้วางไข่ตามธรรมชาติ เมื่อไข่ปลาฟักเป็นตัวก็จะว่ายเข้าไปอาศัยอยู่ในกอของกัลปังหา จากนั้นเมื่อลูกปลาโตได้ขนาดพอประมาณก็จะจับมาเลี้ยงไว้ในกระชัง ซึ่งทำให้ประหยัดเงินทุนที่ใช้สำหรับซื้อลูกปลามาเลี้ยงได้ส่วนหนึ่งด้วย



ตร.ฉลองจับยาบ้า 3 รายได้ของกลาง 67 เม็ด


เมื่อเวลา 13.45 น.ของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 53 ที่ห้องประชุม สภ.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส.สภ.ฉลอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายอุทิศ พรหมสุข อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 ม.7 ต.สมสนุก อ.ปากแดง จ.หนองคาย อาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่ตำบลป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยยาบ้า 28 เม็ด โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 1 เครื่อง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ หมายเลขทะเบียน 575 ขอนแก่น ได้ที่บริเวณบ้านเช่าไม่มีเลขที่ ซอยห้าแยก ม.4 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ในข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายต่อไป

ส่วนรายที่ 2 เจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันได้จับกุมนายเสกสิทธิ์ เจี้ยนเซ่ง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 ม.3 ต.พิปูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 24 เม็ด กัญชาแห้งอัดแท่ง 1 ห่อเล็ก เงินสด 3,500 บาท โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าห้องเช่าไม่มีเลขที่ ห้องหมายเลข 9 บี ใกล้ร้าน ซ.เสรีครัว ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ต.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต สืบทราบว่านายนายเสกสิทธิ์ มีพฤติกรรมค้ายาบ้าให้แก่วัยรุ่นละแวก เจ้าหน้าที่จึงให้สายทำการล่อซื้อด้วยเงินสดจำนวน 3,500 บาท เมื่อนายเสกสิทธิ์ มาส่งของให้สาย ทางเจ้าหน้าที่ก็เข้าทำการจับกุมตัว

รายสุดท้ายเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกัน ได้ทำการล่อซื้อยาบ้าจากนายศรวุธ หรือหนึ่ง ศิริบาล อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 ม.11 ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น นายกิติพงษ์ คงชนะ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 ถนนปฎัก ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 15 เม็ด เงินสด 2,000 บาท จักรยานยนต์ยี่ห้อฮ้อนด้า รุ่นเวฟ หมายเลขทะเบียน ขกฉ-845 ภูเก็ต 1 คัน โดยจับกุมได้ที่บริเวณสวนสาธารณะดงตาล ถนนเลียบชายหาดกะรน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายต่อไป ทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา


เปิดคลินิกเวชกรรมกรุงเทพภูเก็ต เมืองทอง


เมื่อเวลา 09.09 น.ของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 53 นายแพทย์ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต พร้อมด้วยนายสมยศ วิจักคณาวุธ รองนายกเทศมนตรีตำบลวิชิต นายวิรัช ตันพงศ์พาณิชย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลวิชิต รวมทั้งผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และประชาชน ได้ร่วมกันเปิด "คลินิกเวชกรรมกรุงเทพภูเก็ต เมืองทอง" บริเวณวงเวียนตลาดเมืองทอง หมู่ 1 ต.วิชิต อ.เมือง ภูเก็ต

นายแพทย์ก้องเกียรติ กล่าวถึง การคลินิกเวชกรรมกรุงเทพภูเก็ต เมืองทอง ว่า เป็นการนำบริการด้านสุขภาพมาดูแลประชาชนในท้องถิ่นให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยมีมาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาล ซึ่งจะมีแพทย์ออกตรวจทุกวัน รวมทั้งพยาบาล และให้บริการด้านห้องปฏิบัติการ (แล็ป) อย่างครบวงจร เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป


ในระยะแรกนี้ จะมีแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปออกตรวจทุกวัน วันละสองเวลา คือ 07.30 – 11.30 น. และ 16.00น.-20.00 น. รวมทั้งกุมารแพทย์ในเวลา 16.00น.-20.00น.ซึ่งในอนาคต ทางโรงพยาบาลจะนำแพทย์เฉพาะทางสาขาอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นต้น มาออกตรวจต่อเนื่อง นอกจากนี้ คลินิกฯ ยังให้บริการตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ (แล็ป) เช่น การตรวจเลือดวัดระดับไขมัน ระดับน้ำตาล ตรวจปัสสาวะ ตรวจการตั้งครรภ์ หรือตรวจหากลุ่มเลือดในราคาที่ใกล้เคียงกับคลินิกทั่วไป นอกจากนี้ผู้ป่วยสามารถโทรศัพท์สอบถามรายละเอียดหรือนัดหมายพบแพทย์ได้ทางโทรศัพท์ หมายเลข 076 526 725



จังซีลอนรณรงค์ใช้ถุงผ้า


ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต เปิดตัวแคมเปญใหม่ “I Love Phuket…Save Phuket” เพื่อมุ่งรณรงค์ให้คนในท้องถิ่นรวมถึงนักท่องเที่ยวได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม และท้องทะเลภูเก็ต ด้วยการหันมาใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกมากขึ้น โดยลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากร้านค้าต่างๆภายในศูนย์ฯ ครบ 3,000 บาท สามารถนำใบเสร็จมาแลกรับถุงผ้าฟรี หรือสนใจซื้อได้ในราคาใบละ 100 บาท เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ณ ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต

ททท.มอบทุนการศึกษา


นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนผู้ประสบภัยสึนามิ ประจำปี 2553 ซึ่งเป็นปีสุดท้าย จำนวน 22 ทุนๆ ละ 10,000 บาท ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2553 ณ โรงแรมรอยัลบางสัก บีช รีสอร์ท จ.พังงา

ทุนการศึกษาดังกล่าว ททท.ได้จัดสรรมาจากเงินบริจาคที่ได้รับจากประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ นับตั้งแต่เกิดธรณีพิบัติภัยสึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 โดยเป็นทุนการศึกษาจำนวน 25 ทุน จำนวน 6 ปีๆละ 10,000 บาท ให้แก่นักเรียนจำนวน 13 โรงเรียน ในจังหวัดภูเก็ตและพังงา

นอกจากนั้น ยังได้นำไปสร้างบ้านพักถาวร ให้แก่ผู้ประสบภัยที่บ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า จังหวัดพังงา จำนวน 6 หลัง และมอบให้มูลนิธิต่างๆ เช่น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ มูลนิธิพิทักษ์สิ่งแวดล้อม มูลนิธิดวงประทีป เป็นต้นและเพื่อประโยชน์ระยะยาวแก่เยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ททท. ได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ ภูเก็ต และพังงา เพื่อส่งเสริมให้เยาวชน มีความรู้และเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเยาวชนสามารถเข้าไปศึกษา ฝึกปฏิบัติ เพื่อให้มีความรู้ทางทรัพยากรการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพให้ตนเองได้ในอนาคต


วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

น้ำต้นทุนมหาศาลขาดบริหารจัดการ


ภูเก็ต ในอดีตกว่า 20 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำ ด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติป่าไม้บนภูเขาน้อยใหญ่ประกอบกับมีทะเลล้อมรอบ จนถูกขนานนามให้เป็นเมือง ฝน 8 แดด 4 และปริมาณน้ำฝนนั้นก็มีจำนวนมหาศาล แต่ปัจจุบันผลของการเติบโตทางด้านการท่องเที่ยวอย่างไร้ทิศทาง และขาดการวางแผนในการรับมือ รวมไปถึงการบุกรุกทำลายป่าต้นน้ำ เพื่อก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท อาคารในเชิงธุรกิจและการท่องเที่ยวทำให้อุณหภูมิอากาศในพื้นที่ฝนฟ้าไม่ตกตามฤดูกาล ก่อให้เกิดปัญหาน้ำในด้านอุปโภคบริโภค แม้จะมีการสำรวจพบว่าปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมานั้นมีเป็นจำนวนมาก และใหญ่จะไหลลงสู่ทะเลอย่างไร้ประโยชน์ ด้วยขาดการบริหารจัดการที่ดี ทำให้เมื่อถึงช่วงหน้าแล้งภูเก็ตจึงมีปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะในระยะ 4 – 5 ปีที่ผ่านมาจะต้องแก้ปัญหาด้วยการขอทำฝนหลวง รวมทั้งความพยายามจัดหา


นายวีรวัฒน์ อังศุพาณิชย์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานภูเก็ต กล่าวว่า ในภาพรวมปัญหาเรื่องของภูเก็ตจะมีปัญหาภัยแล้งเป็นปัญหาหลัก ซึ่งในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้าความต้องการน้ำกับปริมาณน้ำที่มีอยู่จะเกิดปัญหา ในส่วนของชลประทานภูเก็ตก็ได้มีความพยายามในการหาแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่มให้ได้มากที่สุด โดยแหล่งเก็บกักน้ำที่มีอยู่ปัจจุบันประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำบางวาด อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ และอ่างเก็บน้ำคลองกระทะ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการแต่ยังติดปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมเนื่องจากยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ให้พื้นที่ป่าจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังได้มีความพยายามในการหาขุมน้ำซึ่งเป็นขุมเหมืองเดิมเพื่อให้สามารถเชื่อมโยงการเติมน้ำระหว่างกัน
ขณะที่ นายอิสระ อนุกูล นายช่างชลประทาน ระดับอาวุโส หัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการน้ำ โครงการชลประทานภูเก็ต กล่าวถึงการบริหารจัดการน้ำของภูเก็ตว่า สถานการณ์น้ำของภูเก็ตในปีนี้ถือว่ามีน้ำอยู่ในเกณฑ์ที่ดี คาดว่าในช่วงหน้าแล้ง 4 เดือนนับจากกุมภาพันธ์ไปจนถึงเดือนเมษายนนี้ที่จะมีปริมาณน้ำเพียงพอ โดยขณะนี้อ่างเก็บน้ำบางวาดมีปริมาณน้ำ 5.8 ล้านลบ.ม.หรือคิดเป็น 79.0 % ของความจุอ่างฯ ความจุเต็มที่ 7.2 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งจะจ่ายน้ำให้กับการประปาส่วนภูมิภาคกับการประปาเทศบาลนครภูเก็ต จากที่ได้ประมาณการณ์ในช่วงหน้าแล้งอัตราความต้องการน้ำของทั้งสองส่วนจะเฉลี่ยประมาณ 1.3-1.5 ล้าน ลบ.ม. เมื่อพิจารณาปริมาณน้ำที่มีอยู่จะเห็นว่าเพียงพอกับความต้องการดังกล่าว เพราะตามสถิติที่ผ่านมาเมื่อถึงเดือนพฤษภาคมก็จะมีฝนตกแล้ว ส่วนของอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำซึ่งมีความจุ 7.2 ล้านลบ.ม.ปัจจุบันมีปริมาณน้ำเต็มความจุอ่าง 100 % หากรวมทั้ง 2 อ่าง จะมีความจุประมาณ 14.5 ล้าน ลบ.ม.และมีปริมาณน้ำ 13.0 ล้าน ลบ.ม.


“จากการวิเคราะห์สภาพปัญหาน้ำในปัจจุบันพบว่า มีแหล่งเก็บกักน้ำน้อยเกินไป โดยที่เป็นของรัฐและสามารถใช้ได้อย่างถาวรมีเพียง 16 ล้านลบ.ม.ปริมาณน้ำที่นำมาใช้ได้ประมาณ 35 ล้าน ลบ.ม./ปี ทำให้ในช่วงแล้ง ปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ การแก้ปัญหาทางกรมชลประทานมีแผนพัฒนาแหล่งน้ำหรือจัดหาน้ำเพิ่มเติม เพื่อให้มีปริมาณแหล่งเก็บกักน้ำเพิ่มขึ้นอีก 11 ล้าน ลบ.ม.เป็น 27 ล้าน ลบ.ม.และมีปริมาณน้ำที่ใช้ได้เพิ่มขึ้นอีก18 ล้าน ลบ.ม.เป็น 53 ล้าน ลบ.ม./ปี โดยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองกระทะ อ่างเก็บน้ำอ่าวยนต์ปรับปรุงเพิ่มปริมาณการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำบางวาด ก่อสร้างระบบสูบผันน้ำเติมอ่างเก็บน้ำคลองบางเหนียวดำ”

รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้ใน หนังสือพิมพ์ ภูเก็ตโพสต์
ฉบับที่ 119 ประจำวันที่ 16 - 28 กุมภาพันธ์ 2553

อาชีวะภูเก็ตจัดมหกรรมวิชาชีพ


เมื่อเวลา 19.00 น.ของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 53 ที่บริเวณภายในวิทยาลัยอาชีวะภูเก็ต นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานมหกรรมวิชาชีพครั้งที่ 9 : 9th Academic and Trade Fair ภายใต้คำขวัญที่ว่า ภาพลักษณ์ อาชีวศึกษา พัฒนาวิชาชีพ ประจำปีการศึกษา 2552 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ อดีตผอ.วิทยาลันอาชีวะภูเก็ต รวมทั้งผู้แทนจากอบจ.ภูเก็ต เข้าร่วมงาน

ทั้งนี้นายสุนทร พลรงค์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการจัดงานงานมหกรรมวิชาชีพครั้งที่ 9 : 9th Academic and Trade Fair ได้จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น.เพื่อบูรณาการการเรียนการสอนของนักเรียนนักศึกษา โดยจัดกิจกรรมประเมินมาตรฐานวิชาชีพ การแข่งขันทักษะ นิทรรศการวิชาการ การแสดงผลงานนักศึกษา การฝึกอบรม 108 อาชีพ การเปิดสถานศึกษาเพื่อการแนะแนวทางการศึกษาต่อสายอาชีพ การแสดงบนเวที การประชาสัมพันธ์การเรียนการสอนสายอาชีพต่อชุมชน

“การจัดมหกรรมวิชาชีพของทางวิทยาลัยฯ มาอย่างต่อเนื่องนั้น เพื่อจะได้นำเสนอผลผลิตและประเมินมาตรฐานทักษะวิชาชีพของนักศึกษา ตลอดจนเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของวิทยาลัยฯ ออกสู่ชุมชนให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา ภายใต้นโยบายของคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและยุทธศาสตร์ของวิทยาลัยฯ ในการผลิตผู้เรียนให้มีสมรรถนะอาชีพตามมาตรฐานสากล”


นายสุนทร กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากนี้ยังจะเพื่อให้ครูอาจารย์ทดสอบมาตรฐานวิชาชีพของนักศึกษาอีกทั้งเป็นการเปิดเวทีจัดแสดงผลผลิต สินค้า การสาธิตของนักศึกษาอาชีวศึกษา แนะนำอาชีพวิชาชีพให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 และนักเรียนที่สำเร็จจากชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายได้เข้ามาศึกษาต่อ รวมทั้งการแนะนำหลากหลายอาชีพ เพื่อนำวิชาความรู้ไปปฏิบัติงานประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวต่อไป เพื่อรองรับการ เปิดสอนในระดับปริญญาตรีต่อไปในอนาคต ซึ่งนอกจากกิจกรรมเผยแพร่ผลงานของนักศึกษาแล้วยังจะได้เป็นการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกับผู้ปกครองและชุมชน ให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลซึ่งกันและกัน อันจะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างมีคุณค่าและประโยชน์โดยรวมต่อไป


วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กำหนดการ แสง สี เสียง บาบ๋า เมืองภูเก็ต



ตร.เมืองภูเก็ตรวบวัยรุ่นร่วมกันปล้นทรัพย์ พร้อมจับยาบ้าคาด่าน


เมื่อเวลา 10.30 น.ของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 53 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงษ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.โกมล วัตราภรณ์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ค.อ.วันชัย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมือง ภูเก็ต ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นายวัต (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี อยู่ ถ.ตะกั่วทุ่ง อ.เมือง ภูเก็ต และนายแซม อายุ 17 ปี อยู่ที่ห้องเช่าหลังโรงเรียนบางเหนี่ยว อ.เมือง ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลาง อาวุธมีด สปาต้า ยาวประมาณ 9 นิ้ว จำนวน 1 อัน อาวุธมีดยาวประมาณ 6 นิ้ว จำนวน 1 อัน โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง จยย.ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น มีโอ สีขาว หมายเลขทะบียน ขจธ 188 ภูเก็ต ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้หรือมีอาวุธติดตัว และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม

ทั้งนี้ พล.ต.ต.พิกัด ได้กล่าวว่า สืบเนื่องทางจังหวัดภูเก็ตโดยศูนย์ดำรงธรรม ได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านที่อยู่ในซอยฮับเอก ถ.ภูเก็ต ต.ตาลใหญ่ ภูเก็ต ว่าได้กลุ่มวัยรุ่นตั้งแต่จำนวน 2 – 5 คน ได้ซุ่มและทำการวิ่งราวทรัพย์ เหยื่อที่เป็นผู้หญิงในเวลากลางคืนอยู่บ่อยครั้ง โดยอาศัยเวลาช่วงตั้งแต่เที่ยงคืน ถึงตี 5 ของวันรุ่งขึ้น เมื่อทางตำรวจภูธรภูเก็ตได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมือง ภูเก็ต ออกทำการสืบสวนสอบสวน จนกระทั่งเมืองช่วงค่ำที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 3 คน ได้วิ่งราวทรัพย์โทรศัพท์มือถือจึงได้ตั้งจุดสกัด พร้อมทั้งได้ติดตามคนร้ายตามรูปพรรณที่ได้รับแจ้ง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวได้จำนวน 3 คน ที่กำลังขับรถจักยารนยนต์หลบหนี พร้อมของกลางคือโทรศัพท์มือถือ และอาวุธมีดที่ใช้ในการปล้น และจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้กระทำในลักษณะดังกล่าวมาแล้วจำนวน 4 ครั้ง


ส่วนอีกรายเจ้าหน้าที่จับกุมนายสมชาย สังคำปั่น อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 ม.3 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย นายสมศักดิ์ วิจิตร อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/2 ซ.เชิงคีรี ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง ภูเก็ต พร้อมด้วยยาเสพติดประเภท 1 ยาบ้า จำนวน 65 เม็ด เครื่องกระสุนขนาด .357 จำนวน 1 นัด ปลอดกระสุนปืนขนาด .357 จำนวน 4 ปลอก รถจยย.ฮอนด้า รุ่นคลิก สีขาว หมายเลขทะเบียน ขคง 99 ภูเก็ต เงินสด จำนวน 3,700 บาท ในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านตรวจ จากนั้นผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวผ่านด่านตรวจ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เรียกตรวจ จากการตรวจค้นในตัว พบยาบ้าจำนวน 65 เม็ด พร้อมด้วยกระสุนปืน ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัวมาทำการสอบสวนขยายผล เพื่อจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ต่อไป


ปฐมวัย มรภ.ภูเก็ต ผ่านทุกมาตรฐาน


โรงเรียนสาธิตปฐมวัย มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ให้การต้อนรับคณะกรรมการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสอง (สมศ) ซึ่งได้เข้ามาดูการทำกิจกรรมของโรงเรียนสาธิต โดยมี ผศ.ดร.ประภา กาหยี อธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย ผศ.ทวีพร ณ นคร และคณะครูในโรงเรียน สำหรับการตรวจกิจกรรมของโรงเรียนในครั้งนี้ ได้ดำเนินการระหว่างวันที่ 1 – 3 กุมภาพันธ์ 2553 โดยคณะกรรมฯ ได้ มีการศึกษาดูการทำกิจกรรมหน้าเสาธง การสัมภาษณ์เด็กตามห้องเรียน การดูกิจกรรมการเรียนการสอนโรงเรียนสาธิตปฐมวัย การเข้าพบคณะกรรมสถานศึกษาและตัวแทนผู้ปกครองเด็ก และการรายงานผลการประเมิน


ผศ.ทวีพร กล่าวว่า “จากการที่คณะกรรมการประเมินคุณภายนอก (สมศ.) ได้มาตรวจติดตามการดำเนินงานของโรงเรียนนั้นปรากฏว่า ในส่วนของมาตรฐานด้านผู้บริหาร คณะกรรมมีความเห็นว่า ผู้บริหารมีภาวะผู้นำแล้วก็มีความสามารถในการบริหารจัดการ การจัดองค์กรโครงสร้าง การบริหารการจัดการสารสนเทศต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการ มีโครงการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมทางผู้บริหาร ผู้บริหารมีความน่าเชื่อถือ มีความสามารถในการบริหารงานวิชาการ เป็นผู้นำทางวิชาการ และมีการจัดประสบการณ์ที่เน้นให้ผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการส่งเสริมคุณภาพผู้เรียนอย่างหลากหลาย ในส่วนของมาตรฐานด้านผู้เรียน มีจุดเด่น ซึ่งประกอบด้วย เด็กมีมารยาทและการปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมอย่างเหมาะสมกับวัย เด็กรู้จักการทำความเคารพพ่อแม่ เคารพครู และผู้ใหญ่ เด็กๆ ยังรู้จักการใช้ทรัพยากร ของเครื่องใช้อย่างประหยัด มีโครงการรองรับชัดเจนเห็นคุณค่าของเงินที่นำมาซื้อวัสดุต่างๆ สามารถปลูกฝังเด็กได้อย่างดี เด็กเกิดทักษะในการที่จะประหยัด ส่วนใหญ่มีความมั่นใจกล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม ในส่วนมาตรฐานด้านครู มีจุดเด่น ในเรื่อง การที่ครูมีคุณธรรม จริยธรรม และปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพเพราะได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีแก่ผู้เรียน ผู้ปกครอง และเป็นที่ยอมรับของผู้ปกครอง มีการจัดประสบการณ์ จากการทำกิจกรรมในห้องเรียนสามารถที่จะดึงศักยภาพของเด็กแต่ละคนให้แสดงออกได้ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย


พร้อมกันนี้คณะประเมินได้เสนอแนะข้อที่ควรพัฒนามาตรฐานด้านผู้บริหาร ด้านผู้เรียน และมาตรฐานด้านครู เช่น มาตรฐานด้านครูที่พัฒนา คือ จำนวนชั่วโมงที่สอนมากเกินไป ต้องมีการประเมินสื่อที่ใช้สอน เป็นต้น นอกจากนี้คณะกรรมการฯ มีความประทับใจในการให้การต้อนรับของคณะครู อาจารย์ และผู้บริหารของมหาวิทยาลัย และในเรื่องของการให้ความสะดวกในการประสานงานจากบุคลากร รวมถึงการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีรอยยิ้ม ของคณะครูในโรงเรียน รวมถึงประทับใจในการจัดตกแต่งบรรยากาศในห้องเรียนให้น่าอยู่ น่าเรียน สภาพแวดล้อมในห้องเรียน สื่อวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ มีมากมายเพียงพอ ซึ่งจากการที่คณะกรรมการฯ ได้มาตรวจในครั้งนี้ ทำให้ผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน เกิดขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ให้มีประสิทธิภาพต่อไป ในส่วนที่ควรพัฒนาก็จะปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โรงเรียนสาธิตปฐมวัยมีคุณภาพและมาตรฐานที่ดีขึ้น”