จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

เสื้อแดงภูเก็ตยื่นหนังสือคัดค้านการใช้ศาลาประชาคม



เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 23 เมษายน 2553 ที่ห้องเลาขานุการผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมมุติ เตียงน้อย ตัวแทนกลุ่มพิทักษ์ประชาธิปไตยภูเก็ต พร้อมด้วยสมาชิกจำนวนหนึ่ง ได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผ่านทางนายชาญชัย อภิรักษ์ขิต เลขานุการผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อคัดค้านกรณีพรรคการเมืองใหม่ ขอใช้อาคารศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต เพื่อประชุมขับเคลื่อนทางการเมือง

นายสมมุติ กล่าวถึงการยื่นหนังสือคัดค้าน ว่า ด้วยพรรคการเมืองใหม่ ได้ขอใช้อาคารศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ตจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเพื่อประชุมขับเคลื่อนทางการเมือง เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางกลุ่มพิทักษ์ประชาธิปไตยภูเก็ต (คนเสื้อแดง) ขอใช้ห้องประชุมของมหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่ราชการเหมือนกัน แต่ว่าถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดภูเก็ตออกโรงคัดค้านไม่ให้ใช้สถานที่ราชการในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ดังนั้นในฐานะที่เป็นประชาชนชาวภูเก็ตที่เสียภาษีให้กับแผ่นดินนี้ จึงขอความอนุเคราะห์จากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ไม่ให้อนุญาตใช้อาคารสถานที่ราชการโดยเด็ดขาด เพื่อความเสมอภาค และความเป็นธรรมแก่ทุกคนในสังคม

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้สอบถามทางโทรศัพท์ไปยังนายมานพ ลีลาสุทธานนท์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต(อบจ.ภูเก็ต) เกี่ยวกับการขอใช้ศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ตของทางพรรคการเมืองใหม่ ว่ามีการขอใช้สถานที่จริงในวันที่ 25 เมษายนนี้ ซึ่งเดิมมีมติว่าจะอนุญาตให้ใช้ได้ แต่เนื่องจากในวันดังกล่าวทางจังหวัดภูเก็ตได้มีการขอใช้สำหรับการประกอบพิธีวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (วันยุทธหัตถี) และจากการหารือกับนายก อบจ.ภูเก็ต เกรงว่าจะเกิดความไม่สะดวกและอาจจะมีปัญหาขึ้น ซึ่งจะได้แจ้งไปยังพรรคการเมืองใหม่ว่าคงไม่สามารถอนุญาตให้ใช้สถานที่ได้


ภูเก็ตจัดงาน “วันแห่งครอบครัว” ประจำปี 2553



เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 23 เมษายน 2553 ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานวันแห่งครอบครัว และมอบโล่สดุดียกย่องครอบครัวร่มเย็นจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2553 เนื่องในงานวันครอบครัว ประจำปี 2553 โดยมีนางไทศิกา ไพรสงบ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต นายสมประสงค์ เอี่ยมสกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสาโรจน์ อังคณาพิลาศ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการเกี่ยวข้อง แขกผู้มีเกียรติและสมาชิกครอบครัวต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นางสาวพรรณี สิทธิการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ด้วยคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้วันที่ 14 เมษายนของทุกปีเป็นวันแห่งครอบครัว และกำหนดให้ทุกภาคส่วนร่วมจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว โดยมุ่งเน้นในการส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัวหล่อหลอมสมาชิกในครอบครัวด้วยคามรัก ถ่ายทอดวัฒนธรรมของสังคม เพื่อให้เป็นคนดีมีคุณภาพ เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม ซึ่งจะนำไปสู่สังคมที่ดีงามและอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน ทั้งนี้ในเดือนเมษายนถือเป็นเดือนแห่งการส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว จังหวัดภูเก็ตโดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต จึงได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมความอบอุ่น และเข้มแข็งแก่ครอบครัว อาทิ การจัดกิจกรรมวันผู้สูงอายุแห่งชาติปี 2553 ในพื้นที่ต่างๆ การจัดกิจกรรมการคัดเลือกครอบครัวร่มเย็นจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2553 เป็นต้น

การจัดงานวันแห่งครอบครัวจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2553 เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว ด้วยกิจกรรมต่างๆ อาทิ การเปิดใจครอบครัวร่มเย็นปี 2553 โดยครอบครัวลิ้มนันทพิสิฐ และครอบครัวบำรุงนา การบรรยายให้ความรู้ และคำปรึกษาในเรื่อง การดูแลสุขภาพของคนในครอบครัว โดยทีมแพทย์ พยาบาลจากโรงพยาบาลสิริโรจน์ ภูเก็ต เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้มีการมอบโล่สดุดีแก่ครอบครัวร่มเย็นของจังหวัดภูเก็ต โดยยึดหลักครอบครัวที่มีองค์ประกอบโดยรวมทุกอย่างผสมกลมเกลียวกันเป็นองค์รวม ทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขแก่คนในครอบครัว สมควรได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างแก่คนทั่วไป ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการคัดเลือกฯ รับโล่ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน 3 ครอบครัว ได้แก่ ครอบครัวลิ้มนันทพิสิฐ ครอบครัวจิรวัฒนวิจิตร ครอบครัวกิจดำเนิน และครอบครัวที่ได้รับโล่เกียรติคุณของจังหวัดภูเก็ต พร้อมเกียรติบัตรของจังหวัดภูเก็ต จำนวน 3 ครอบครัว ได้แก่ ครอบครัวบำรุงนา ครอบครัวพรหมทอง และครอบครัววิสุทธารมณ์


สว.ภูเก็ตระบุการชุมนุมกระทบท่องเที่ยวในวงกว้าง




นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดภูเก็ต ในฐานะประธานกรรมาธิการการท่องเที่ยววุฒิสภา กล่าวว่า จากการชุมนุมประท้วงในกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว เริ่มที่จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในวงกว้างแล้ว จากเดิมที่จำกัดวงอยู่ในเฉพาะเขตกรุงเทพมหานคร เห็นได้จากตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในท่องเที่ยวในจังหวัดฝั่งอันดามันและอ่าวไทยในช่วงเดือนมกราคม- เดือนมีนาคมยังมีอัตราการเข้าพักที่ดี เพราะส่วนหนึ่งมาจากการจองห้องพักเข้ามาก่อนจะเกิดการชุมนุม แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นทำให้อัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวลดน้อยลงค่อนข้างมาก ประกอบกับกำลังเข้าสู่โลว์ซีซัน และเหตุภูเขาไฟระเบิดที่ประเทศไอร์แลนด์

“นอกจากนี้กรณีของช่างภาพชาวญี่ปุ่นของสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลของเขาเรียกคนที่อยู่ในกรุงเทพมหานครให้เดินทางกลับประเทศ เพราะเป็นห่วงความมั่นคง คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกนาน และล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เมษายน ได้เกิดเหตุการณ์ยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่บริเวณสีลม และมีชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บไปได้ โดยในระยะนี้ซึ่งเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน นักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เดินทางเข้ามามากขึ้น แต่หลังจากเกิดความรุนแรงทั้งสองครั้งทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้หายไป เนื่องจากมีคำเตือนของรัฐบาลของเขาให้ระวังการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย”

นางธันยรัศม์ กล่าวด้วยว่า ในฐานะสมาชิกวุฒิสภาก็อยากเห็นความสงบสุขของบ้านเมือง ซึ่งอยากให้ทุกฝ่ายเห็นกับประโยน์ของชาติและส่วนรวมในอนาคต ทำอย่างไรไม่อยากให้มีการนองเลือดของคนไทยด้วยกันเอง ต้องหาวิธีการสันติโดยการเจรจา ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา แต่ไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังหรือความความรุนแรง



รองประธานวุฒิแนะลดเงื่อนไขทั้งสองฝ่าย



นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ จ.ภูเก็ต ว่า การแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นขณะรี้ไม่มั่นใจว่าเป็นการตัดสินใจช้าหรือไม่ เพราะเราเรียกร้องกันมาตลอดว่าความขัดแย้งหรือความไม่เข้าใจกันนั้นจะทำสำเร็จได้นั้นต้องมีการพูดคุยกัน แต่หากมีการตั้งเงื่อนไขที่มากจนเกินไปก็ยากที่จะตกลงกันได้ ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ใช้กระบวนการเจรจา และให้แต่ละฝ่ายจะลดลงเงื่อนไขลง โดยคำนึงถึงผลกระโยชน์ของชาติและส่วนรวมเป็นหลัก อย่าเอาประโยชน์ของกลุ่มมาเป็นที่ตั้ง เพราะไม่เช่นนั้นก็ยากที่จะเจรจา รวมถึงการสร้างคนหลากเสื้อหลากสีมาเผชิญหน้ากันนั้นจะทำให้บาดแผลลึก ซึ่งจะมีความซับซ้อนและยากที่จะแก้ไข ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้นรัฐบาลอาจจะต้องยอมในบางเรื่อง รวมทั้งจะต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน และเรียกร้องให้นำปัญหามาพูดคุยกันบนโต๊ะ โดยมุ่งหวังประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ

“จากการเจรจา 2 ครั้งที่ผ่านมา เห็นได้ว่าทั้งสองฝ่ายต่างรำพึงรำพันถึงความไม่เป็นธรรมหรือย้อนหลังเรื่องในอดีต และต่างฝ่ายก็มีเงื่อนไข ซึ่งหากปรับเข้าหากันได้เรื่องก็จบไปนานแล้ว แต่ขณะนี้ค่อนข้างยากและมีความซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ก็จะมีคนเข้ามาหลากหลายกลุ่มและมองเฉพาะผลกระทบเฉพาะกลุ่ม จึงวุ่นวายกันไปหมด ส่วนการใช้กำลังเข้าปราบปรามคิดว่าไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง เพราะไม่สามารถทำให้ทุกคนสงบได้ ซึ่งบทเรียนเช่นนี้เราเคยมาแล้วในคราวการเคลื่อนไหวของลัทธิคอมมิวนิตส์ สุดท้ายต้องหันมาเจรจากันจึงยุติได้”

นายนิคม กล่าวว่า ในการที่จะเจรจากันได้นั้นทั้งสองฝ่ายจะต้องยอมลดเงื่อนไขของตนเองลงมา เพราะยังยืนอยู่ในเงื่อนไขของตัวเองก็ไม่สามารถที่จะตกลงกันได้ ส่วนการออกของกลุ่มอื่นๆ นั้น ในความจริงแล้วไม่ใช่เพราะที่ขัดแย้งกันจริงๆ มีเพียง 2 กลุ่ม คือรัฐบาลกับเสื้อแดง ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่ออกมานั้นเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชุมนุมโดยออกมาเรียกร้องสิทธิ์และกดดัน ดังนั้นหากมีการเจรจาและหาข้อยุติได้ไม่มีการชุมนุมกลุ่มอื่นๆก็จะหมดไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตามอยากเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายลดเงื่อนไขลงมา ซึ่งขณะนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ของกลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มเปลี่ยนไม่ใช่เรื่องของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณแล้ว แต่เป็นเรื่องของชนชั้น หากรัฐบาลมีความเข้าใจในประเด็นต้นเหตุของปัญหาก็สามารถเจรจาในรอบที่ 3 รอบที่ 4 จนประสบความสำแร็จ เพราะการเจรจาเพียง 1 หรือ 2 ครั้งไม่อาจจบได้ ซึ่งการพูดคุยกันก็จะแก้ปัญหาได้ นายนิคม กล่าวและว่า การเจรจาหากยึดเฉพาะเงื่อนไขหรือตั้งธงของตนเองไว้ก็ยากจะแก้ไข ซึ่งหากตนเป็นรัฐบาลจะยอมลดเงื่อนไขลงก่อนเพื่อแสดงให้เห็นความจริงใจ เพราะรัฐบาลเป็นผู้ใหญ่และเป็นผู้มีอำนาจ ซึ่งต้องมีคุณธรรมจริยธรรมมากกว่าบุคคลทั่วไป จึงต้องหยิบยื่นให้ก่อน ซึ่งวัฒนธรรมของสังคมไทย ผู้ที่เข้มแข็งกว่าจะต้องโอนอ่อนให้กับผู้อ่อนด้อยกว่า ส่วนกรณีที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรเพื่อไทย และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จะขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้นก็อาจจะมองว่าไม่มีทางออกถึงทางตันแล้ว เพราะมีข่าวลือเกี่ยวกับการปราบปราม ซึ่งอาจจะทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวน จึงต้องขอพึ่งพระบารมีของพระองค์ท่านซึ่งเป็นที่พึงของปวงชนชาวไทย อย่าคิดว่าเป็นการดึงฟ้าลงมาต่ำ แต่เป็นเพราะไม่มีทางออกจึงต้องพึ่งพระบารมี


สว.เดินสายติวเข้มผู้นำสตรีที่ภูเก็ต



เมื่อเวลา 09.30 น.ของวันที่ 23 เมษายน 53 ที่ห้องออร์คิดคอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมภูเก็ตออร์คิดรีสอร์ท แอนด์สปา ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต สำนักงานเลขาธิการ วุฒิสภาจัดโครงการเสริมสร้างความพร้อมแก่ท้องถิ่นหลักสูตร “กระบวนการเสริม สร้างผู้นำนักประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม” ครั้งที่ 8 ประจำปี 2553 โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นประธานเปิดการอบรม นอกจากนี้ยังมีนางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดภูเก็ต นายมานพน้อย วานิช สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดพังงาและ ร้อยโทภูมิศักดิ์ หงส์หยก สมาชิกวุฒิสภาสรรหา นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองคืการบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ภาคเอกชน เข้าร่วม

สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการเป็นผู้นำสตรีหรือผู้แทนสตรีในหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชน ตลอดจน แกนนำ ชมรม กลุ่มแม่บ้านและกลุ่มสตรีต่างๆ ในนามภาคประชาชน ในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดพังงา จำนวน 120 คน หลังจากที่สำนักงานเลขาธิการ วุฒิสภาริเริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2546 ปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมไปแล้ว รวม 5,131 คน โดยในปี 2553 กำหนดจัดการอบรมจำนวน 13 รุ่น

นางสาวอุตรา อมรฉัตร รองเลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า โครงการเสริมสร้างความพร้อมแก่ท้องถิ่นหลักสูตร กระบวนการเสริม สร้างผู้นำนักประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ที่จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้าง ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย รวมถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อสังคมไทย ทั้งทางด้าน การเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม วัฒนธรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้ผู้เข้ารับการอบรม รับรู้และเข้าใจในบทบาท อำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนและมาจากการสรรหา จากคณะบุคคล ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550

นอกจากนี้เพื่อสร้าง เจตคติ ค่านิยม ความคิดและวิถีชีวิตในครรลองของประชาธิปไตย ร่วมระดมความคิดเพื่อความแตกฉาน ในแนวทางการเสริมสร้างความมั่นคงต่อระบบการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในขณะเดียวกันเสริมสร้างบทบาทและเครือข่ายแห่งการสร้างสรรค์และเผยแพร่ประชาธิปไตย ให้บังเกิดพัฒนาการและสมานฉันท์ของสังคมไทย อันจะยังผลต่อประเทศชาติในภาพรวม และสร้างทัศนคติเกี่ยวกับวุฒิสภาอย่างถูกต้อง พร้อมกันนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภาได้พบปะกับประชาชนอย่างใกล้ชิดซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกันและนำไปสู่การร่วมกิจกรรมทางการเมืองอย่างมีคุณภาพ ตลอดจนสามารถสร้างเครือข่ายและนำองค์ความรู้ไปเผยแพร่ได้อย่างเหมาะสมอีกส่วนหนึ่งด้วย นางสาวอุตรากล่าว


วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

อนุบาลภูเก็ตใช้งบกว่า 7 ล้านบาทสร้างอาคารใหม่



เมื่อเวลา 09.39 น.ของวันที่ 22 เมษายน 53 ที่อาคารหอประชุม อเนกประสงค์ โรงเรียนอนุบาลภูเก็ต อ.เมือง ภูเก็ต นายเฉลิมพงศ์ ขันตี อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานภาค 8 เป็นประธานในพิธีลงเสาเอก อาคารใหม่โรงเรียนอนุบาลภูเก็ต โดยมีนายพิเชฐ ตันสกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลภูเก็ต นายประดิษฐ์ แสงจันทร์ ประธานสภา อบจ.ภูเก็ต นายไพศาล สุวรรณรักษา คณะครู อาจารย์ ผู้ปกครอง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

ทั้งนี้นายพิเชฐ ได้กล่าวว่า กรรมการสถานศึกษา คณะครู ผู้ปกครอง เห็นว่าโรงเรียนอนุบาลภูเก็ต มีสถานที่ไม่เพียงพอต่อการจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยเฉพาะห้องเรียนพิเศษ เช่น ห้องสำหรับจัดกิจกรรมของนักเรียน ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องประชุม ห้องนันทนาการ เป็นต้น จึงมีความคิดร่วมกันในการสร้างอาคารเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนได้มีสถานที่ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งในการก่อสร้างครั้งนี้ต้องใช้งบประมาณ 7,636,000 บาทจึงได้มีการระดมทุนจากหลายๆ กิจกรรมเช่น รับบริจาคจากคณะครู ผู้ปกครองที่มีจิตศรัทธา การทอดผ้าป่าสามัคคี รายได้สมทบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนฯ การบริจาคจากห้างต่างๆ และเงินรายได้สถานศึกษาสมทบ โดยในขณะนี้ได้รับบริจาคแล้วประมาณ 4 ล้านบาทเศษ ยังคงขาดอยู่ประมาณ 3 ล้านบาทเศษ จึงของเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสมทบทุนได้ที่โรงเรียนอนุบาลภูเก็ต


ผู้ประกอบการป่าตองโอด นักเที่ยวหาย – รายได้หด 50%



นายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงพื้นที่ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวว่า จากการชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ส่งผลกระทบต่อการประกอบการของผู้ประกอบการสถานบันเทิงในพื้นที่ป่าตองเช่นเดียวกับผู้ประกอบการทางด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ เนื่องจากผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพราะได้มีหลายๆ ประเทศประกาศเตือนพลเมืองของเขาให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้ามาประเทศไทยประกอบกับเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดส่งผลให้เที่ยวบินจากทวีปยุโรปไม่สามารถบินเข้ามาจังหวัดภูเก็ตได้ ตลอดจนขณะนี้เริ่มที่จะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซันทำให้ผู้ใช้บริการสถานบันเทิงลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รายได้จากนักท่องเที่ยวในส่วนของสถานบันเทิงในพื้นที่ป่าตองหายไปประมาณ 50 %

อย่างไรก็ตามเนื่องจากป่าตองเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ดังนั้นจึงอยากเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดโซนนิ่งสถานบันเทิงในพื้นที่ป่าตองเป็นพื้นที่พิเศษ โดยเฉพาะเรื่องเวลาเปิด-ปิด ซึ่งควรขยายเวลาให้เปิดได้จนถึงเวลา 05.00 น. เนื่องจากผู้ใช้บริการสถานบันเทิงส่วนใหญ่ 90 % เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และกลุ่มนี้จะเข้าใช้บริการสถานบันเทิงหลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว หากสถานบันเทิงปิดตามเวลาที่กฎหมายกำหนดก็จะทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน ก็จะหันไปซื้อเหล้าซื้อเบียร์จากร้านสะดวกซื้อและนำไปนั่งดื่มกินกันบริเวณชายหาดซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น ขยะ อาชญากรรม เป็นต้น เนื่องจากในบางครั้งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง นายวีรวิชญ์ กล่าว และว่าจากเหตุผลดังกล่าว เพื่อป้องกันและลดปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจึงอยากให้มีการจัดพื้นที่โซนนิ่งพิเศษ โดยปัจจุบันสถานบันเทิงในพื้นที่ป่าตองเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในแต่ละวันมีรายได้เฉลี่ยจากการให้บริการนักท่องเที่ยวจำนวนประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งสามารถสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนได้เป็นจำนวนมาก


ส.ผู้ประกอบการนำเที่ยวอินเดียเลือกภูเก็ตประชุมใหญ่ประจำปี



เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันที่ 22 เมษายน 2553 ที่ห้องรับรองศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต พร้อมด้วยนายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานนิวเดลี นำคณะกรรมการสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวแห่งอินเดีย เข้าพบนายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดประชุมใหญ่ประจำปีของสมาคมฯ ในประเทศไทย

นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทางสมาคมฯ สนใจเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ในการจัดประชุม โดยได้ให้ความสนใจกรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต แต่จากการพูดคุยคาดว่า ภูเก็ตเป็นสถานที่ซึ่งจะมีโอกาสได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ในการจัดการประชุมสูง เนื่องจากขณะนี้ในส่วนของกรุงเทพฯ มีปัญหาเรื่องของการชุมนุม ซึ่งก็ได้ยืนยันถึงความพร้อมของภูเก็ต ทั้งความสะดวกในการเดินทาง สถานที่จัดการประชุม ที่พัก การให้บริการ สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงเรื่องการรักษาความปลอดภัยด้วย

ทางด้านนายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานนิวเดลี กล่าวว่า ทางคณะกรรมการสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวแห่งอินเดียต้องการมาดูสถานที่สำหรับจัดประชุมใหญ่ประจำปีของสมาคมฯ ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงประมาณเดือนกันยายนหรือเดือนตุลาคมปีนี้ และจังหวัดภูเก็ตเป็นตัวเลือกหนึ่งในประเทศไทย แต่หากไม่เลือกจังหวัดภูเก็ตก็อาจจะเลือกไปที่พัทยา หรือกรุงเทพมหานคร แต่อย่างไรก็ดีทราบว่าทางสมาคมฯมีความชื่นชอบและพอใจจังหวัดภูเก็ตมาก และคิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

“หากเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่จัดประชุม สิ่งที่จังหวัดภูเก็ตได้รับในขั้นต้นระหว่างการประชุม ซึ่งจะมีผู้มาร่วมประชุมประมาณ 2,000 คน จะสร้างรายได้ทันที นอกจากนี้หลังเสร็จสิ้นการประชุมก็จะเกิดรายได้ทั้งค่าที่พัก อาหารการกิน และแหล่งท่องเที่ยว เนื่องจากผู้ที่มาประชุมเป็นบริษัทนำเที่ยว ซึ่งสามารถนำภูเก็ตไปเสนอขายต่อให้กับลูกค้าของเขาได้ เพราะเขาได้มาเห็นของจริงแล้ว ดังนั้นเชื่อว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวอินเดียเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยหรือภูเก็ตน่าจะเพิ่มขึ้นหลังจากการประชุมเสร็จสิ้น” นายฉัททันต์กล่าว

ขณะที่นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า จากการพูดคุยทางประธานสมาคมฯ แม้ว่าจะให้ความสนใจภูเก็ต แต่ก็ยังมีคู่แข่งซึ่งมีทั้งฟิลิปปินส์ และตุรกี แต่ก็ได้ให้ข้อมูลความพร้อมต่างๆ ทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัย การให้บริการ โรงแรมที่พัก สถานที่จัดประชุม และแหล่งท่องเที่ยวซึ่งตรงกับความต้องการของคนอินเดีย พร้อมทั้งได้เสนอด้วยว่าก่อนถึงวันประชุมจะมีการจัดฟรีทัวร์ 2 วัน 1 คืน ให้กับกลุ่มผู้เข้าร่วมประชุมพร้อมกับครอบครัวในพื้นที่ภูเก็ต พังงา และกระบี่ นอกจากนี้ยังมีในส่วนของทัวร์ดำน้ำ เล่นกอล์ฟสปา ไปช้อปปิ้ง และรับประทานอาหาร ซึ่งหากมีการเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่จัดประชุมก็จะทำให้เกิดรายได้ในช่วงดังกล่าวประมาณ 400 – 500 ล้านบาท


 

ตร.คาดน่ามีวัตถุต้องสงสัยทำให้เกิดระเบิดและไฟไหม้


พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้กล่าวความคืบหน้า กรณีรถเก๋งฮอนด้า รุ่นแอดคอร์ท สีเทา หมายเลขทะเบียน กท 8233 ภูเก็ต ที่มีนายศุภชัย จงชนะเศรษฐกุล อายุ 35 ปี เสี่ยรับเหมาก่อสร้างเป็นเจ้าของ ได้เกิดระเบิดและไฟลุกไหม้จนรถเสียหายเกือบทั้งคัน นอกจากนี้จากแรงระเบิดดังกล่าวทำให้นายศุภชัยได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้าท้อง นอกจากนี้จากการตรวจสอบสภาพรถเบื้องต้น เจ้าหน้าพบว่าที่บริเวณหลังคารถ และประตูหลังด้านขวา มีรูคล้ายกับรูกระสุน หรือวัตถุที่อยู่ภายในระเบิด ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องทำการการตรวจสอบโดยละเอียด เหตุเกิดบนถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หน้าห้างเทสโกโลตัส สาขาภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมือง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบสภาพรถเบื้องต้นสันนิษฐานได้ว่าเกิดการระเบิดจากภายในรถ แต่การระเบิดนั้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกิดจากวัตถุชนิดใดที่เป็นจุดเริ่มต้นของเพลิงลุกไหม้ แต่ไม่ใช่การลอบวางระเบิด ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่ง สอบปากคำเจ้าของรถ ซึ่งเป็นคนขับรถในวันเกิดเหตุอย่างละเอียด

“เจ้าของรถย่อมรู้ดีว่าภายในรถมีสิ่งต้องสงสัยเก็บอยู่ หรืออาจเป็นไปได้ว่าถูกซุกซ่อน โดยเจ้าของรถไม่รู้มาก่อน แต่เจ้าของรถต้องรู้ว่ารถคันดังกล่าวมีใครใช้ได้บ้าง นอกเหนือจากตัวเอง ซึ่งจะได้เรียกตัวมาสอบสวนหาที่มาของวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว และที่ผ่านมาเจ้าของรถเคยมีเรื่องบาดหมางกับผู้ใดมาก่อนหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นปมในการเชื่อมโยงไปถึงการระเบิดดังกล่าว”

ผบก.ภ.จ.ภูเก็ตกล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนประเด็นการระเบิดที่อาจเกิดจากการขัดข้องของเครื่องยนต์หรือตัวรถ บริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยี่ห้อดังกล่าวได้ส่งตัวแทนมาร่วมตรวจสอบและเก็บหลักฐานนำกลับไปตรวจสอบเช่น เดียวกัน ซึ่งผลการตรวจสอบทั้งทางตำรวจและบริษัทรถยนต์คงต้องรอผลสักระยะหนึ่งถึงจะได้คำตอบที่แน่ชัดว่าการระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นจากอะไรกันแน่


วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

ไฟไหม้รถยนต์วอดทั้งคัน ส่วนเจ้าของรอดหวุดหวิด



เมื่อเวลา 17.30 น.ของวันที่ 21 เมษายน 53 ร.ต.อ.ศุภชัย เพชรสกุล ร้อยเวรสภ.เมือง ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ โดยไฟกำลังลุกไหม้รถเกือบทั้งคัน เหตุเกิดบริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติ ร,9 หรือถนนสายบายพาส ขอให้ประสานเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อดับเพลิงดังกล่าว หลังรับแจ้งก็ได้ประสานไปยังหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลรัษฎา และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดพร้อมด้วยพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.พ.ต.ท.วิจักษณ์ ตารมย์ สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ตนำกำลังชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่กองวิทยาการเขต 44 ภูเก็ตรถดับเพลิงเทศบาลตำบลรัษฎา อ.เมือง ภูเก็ต

ที่เกิดแหตุอยู่ที่ถนนสายบายพาส ขาเข้าเมือง หน้าห้างเทสโก้ โลตัส สาขาภูเก็ต ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึง ไฟกำลังลุกไหม้ท่วมรถยนต์คันดังกล่าว รถยนต์ที่ตามมาไม่สามารถขับผ่านไปได้ ทำให้รถติดเปิดทางยาว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เร่งระบายให้รถออกไปทางอื่น เพื่อให้รถดับเพลิงเข้ามาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ เมื่อรถดังเพลิงมาถึง ก็ได้ระดมฉีดน้ำสกัดไปไม่ให้ลุกลามไปทั่วคัน เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 30 นาที จึงดับไฟลงได้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่าเป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีเทา หมายเลขทะเบียน กท 8233 ภูเก็ต และจากการตรวจสอบภายในได้รับความเสียหายทั้งหมด โดยบริเวณหลังคารถมีรูพรุนเป็นสิบๆ จุด เหลือแต่บริเวณกันชนหน้าและกระโปรงรถบางส่วนที่ไม่ถูกเพลิงเผา เบื้องต้นค่าเสียหายกว่า 1 ล้านบาท จากการตรวจสอบเจ้าของทราบชื่อคือนายศุภชัย จงชนะเศรษฐกุล อายุ 35 ปี ผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้าท้องด้านซ้ายมีแผลไหม้จากสะเก็ดไฟ โดยเจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลกะรน ที่ขับรถผ่านมา ช่วยนำร่างของคนขับออกจากรถและนำส่งรพ.กรุงเทพ

ทั้งนี้จากการสอบถามนายศุภชัยได้ให้การกับ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ตว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถกลับจากทำธุระที่นอกเมือง โดยมุ่งหน้าเข้าไปยังตัวเมืองภูเก็ต โดยใช้เส้นทางสายดังกล่าว เมื่อขับมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ได้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นบริเวณคอนโซลรถ ตนเกิดตกใจพร้อมทั้งได้บังคับให้รถจอดสนิท แล้วรีบเปิดประตูออกมายืนอยู่นอกรถ จากนั้นตนเองก็มีเจ้าหน้าที่นำร่างของตนส่งรพ.โดยที่ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารถระเบิดและเพลิงไหม้ได้อย่างไร โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ทันได้ตั้งตัว ส่วนรถซื้อใหม่ออกจากโชว์รูมราวปีกว่า สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าอาจเกิดจากการขัดข้องของเครื่องยนต์ส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง




ติวเข้มสถานบริการปฎิบัติระเบียบกฎหมาย


เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 21 เมษายน 2553 ที่ห้องสวนหลวง โรงแรมคาทีน่า ภูเก็ต นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิพาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง เป็นประธานเปิดโครงการประชุมชี้แจงผู้ประกอบการสถานบริการในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยมีนายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอถลาง นายอำเภอกะทู้ และผู้ประกอบการสถานบริการต่างๆ เข้าร่วมจำนวนประมาณ 300 คน เพื่อให้ผู้ประกอบการสถานบริการเข้าใจถึงหน้าที่ที่เจ้าของสถานบริการที่ต้องปฎิบัติ และให้ผู้ประกอบการสถานบริการตั้งสถานบริการถูกต้องตามลักษณะและองค์ประกอบของสถานบริการ ซึ่งปัจจุบันจังหวัดภูเก็ต มีผู้ได้รับอนุญาตตั้งสถานบริการ จำนวนทั้งสิ้น 303 แห่ง ในเขต อ.เมืองภูเก็ต 66 แห่ง อ.กะทู้ 235 แห่ง และ อ.ถลาง 4 แห่ง


นายวงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า การประชุมชี้แจงกับสถานบริการในจังหวัดภูเก็ตครั้งนี้เป็นไปตามโครงการกรมการปกครองเคลื่อนที่ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติ ระเบียบและข้อกำหนดต่างๆ ให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ที่พักที่อยู่ในข่ายอาพาร์เม้นท์ หอพัก สถานบริการ โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวปีละ 5-6 ล้านคน ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความประทับใจในการให้บริการและรับบริการของนักท่องเที่ยว รวมไปถึงการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของภูเก็ต


ส่วนของนโยบายการเปิด-ปิดสถานบริการนั้น เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจะต้องยึดหลักตามที่กฎหมายกำหนด แต่สำหรับเมืองท่องเที่ยวก็ต้องยอมรับว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามานั้น จะนอนพักผ่อนในตอนกลางวันและตื่นในตอนกลางคืน ด้วยข้อจำกัดของระยะเวลาในการท่องเที่ยว ทำให้ไม่สามารถที่จะปรับตัวได้ทัน ดังนั้นในการปฎิบัติของเจ้าหน้าที่จะต้องดูว่าสถานบริการนั้นเป็นประเภทใด ตั้งอยู่บริเวณใด สร้างความเดือดร้อนและความรำคาญให้กับผู้ประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงหรือไม่ ก็ให้พิจารณาไปตามกรณี สิ่งสำคัญคือการปฎิบัติตามกฎหมาย เพราะเจ้าหน้าที่คงไม่สามารถที่จะให้ใครหลีกเลี่ยงกฎหมายได้ แต่อาจจะมีการอลุ่มอล่วยตามความเหมาะสม ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวซึ่งจะมีความแตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ เนื่องจากมีชาวต่างชาติไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี หาดใหญ่ สมุย เป็นต้น นายวงศ์ศักดิ์กล่าว


ศาลเด็กจัดงานสัปดาห์วันศาลยุติธรรม 53



เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 21 เมษายน 53 ที่ศาลจังหวัดภูเก็ตแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ต.รัษฎา อ.เมือง ภูเก็ต นางเมธินี ทิพย์มณเฑียร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ตแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ได้เป็นประธานจัดงานสัปดาห์วันศาลยุติธรรม ประจำปี 2553 โดยมี พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต คณะผู้พิพากษาสมทบ ผู้ไกล่เกลี่ยประนีประนอม ผู้บริหารในกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในศาลจังหวัดภูเก็ตแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ผู้ถูกคุมประพฤติ เด็ก เยาวชน และประชาชนผู้มารับบริการเข้าร่วม

นางเมธินี กล่าวว่า ศาลยุติธรรมเป็นองค์กรของอำนาจตุลาการมีอำนาจสูงสุดหนึ่งในสามของอำนาจอธิปไตยที่ใช้ในการปกครองประเทศโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ใช้อำนาจ เพื่อความยุติธรรมของประชาชน พัฒนาการศาลยุติธรรมไทยมียาวนานมากว่า 700 ปี ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ต่อมาจนกระทั่งสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิรูปการศาล และได้เสด็จพระราชดำเนินวางศิลาก่อพระฤกษ์อาคารและพระราชทานนามว่า ศาลสถิตย์ยุติธรรม เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2425 ดังนั้นเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงมีต่อวงการศาลยุติธรรม จึงกำหนดให้วันที่ 21 เมษายนของทุกปี เป็นวันศาลยุติธรรม และได้กำหนดจัดงานสัปดาห์วันศาลยุติธรรมขึ้นในระหว่างวันที่ 21-24 เมษายน ณ สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมและศาลทั่วประเทศ ซึ่งในปีนี้เป็นการครบรอบ 128 ปี

“การจัดกิจกรรมภายใต้โครงการฯ ดังกล่าว นอกจากจะเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อวงการศาลยุติธรรมแล้ว ยังเพื่อให้ข้าราชการศาลจังหวัดภูเก็ตแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวได้ถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นการเผยแพร่ประวัติความเป็นมาของศาลยุติธรรมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเบื้องต้นให้แก่ผู้เข้าร่วมงานแสดงนิทรรศการ” นางเมธินี กล่าว

สำหรับกิจกรรมงานสัปดาห์วันศาลยุติธรรม ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 21 – 24 เมษายนนี้ ซึ่งในส่วนของศาลจังหวัดภูเก็ตแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ประกอบด้วย การพิธีทางศาสนาพุทธและอิสลาม, กิจกรรมศาลยุติธรรมน้อมเกล้า ร่วมใจถวายพ่อหลวง, กิจกรรมศาลยุติธรรม...สานฝัน เพื่อวันของน้องและคนชรา โดยร่วมรับบริจาคอุปกรณ์การศึกษา อุปกรณ์การกีฬา หนังสือเรียน ชุดนักเรียนมือสอง เพื่อนำไปบริจาคแก่นักเรียนยากจน หรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกล การร่วมรับบริจาคแว่นสายตาสำหรับคนชราที่ยากจนหรือถูกทอดทิ้ง ซึ่งมีความบกพร่องทางสายตา, กิจกรรมการนำของที่ได้รับบริจาคไปมอบให้แก่โรงเรียนภูเก็ตปัญญานุกูล และสถานสงเคราะห์คนชราบ้านภูเก็ต อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และกิจกรรมงานแสดงนิทรรศการประชาสัมพันธ์งานวันศาลยุติธรรม โดยจะมีไปจนถึงวันที่ 24 เมษายนนี้


อธิบดีกรมการปกครองฝากอส.ภูมิใจในเกียรติยศ


เมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ 21 เมษายน 53 ที่ห้องประชุม 1 อาคารหลังใหม่ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิพาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง หัวหน้าฝ่ายอำนวยการกองบัญชาการอาสารักษาดินแดน พร้อมคณะตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้แก่ผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายวิโรจน์ สุวรรณวงศ์ หัวหน้ากลุ่มงานฝ่ายความมั่นคง นายอำเภอเมืองภูเก็ต นายอำเภอถลาง นายอำเภอกะทู้ ผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดภูเก็ต ให้การต้อนรับพร้อมรับฟังนโยบาย

สำหรับกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดภูเก็ต จำนวน 86 นาย แบ่งเป็น กองร้อยบังคับการและบริการจำนวน 27 นาย กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองภูเก็ตที่ 1 จำนวน 19 นาย กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอกะทู้ที่ 2 จำนวน 22 นาย และกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอถลางที่ 3 จำนวน 18 นาย นอกจากนั้นได้ทำการฝึกอบรมและสั่งใช้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ประเภทสำรอง ในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดภูเก็ตอีก 322 นาย

อย่างไรก็ตามนายวงศ์ศักดิ์ กล่าวฝากกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดภูเก็ต ว่า เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว ดังนั้นแนวทางการทำงานจึงเน้นเรื่องของดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยว รวมถึงการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้มีความสวยงามอย่างยั่งยืน สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ตลอดจนการป้องกันการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนมาโดยตลอด และการจัดระเบียบสังคม



วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553

รพ.วชิระภูเก็ตจัดงานแสดงมุทิตาจิตผู้สูงอายุ



เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 19 เมษายน 53 ที่ผ่านมา ที่บริเวณชั้น 3 ตึกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นายแพทย์เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนา ผอ.โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเป็นประธานการแสดงมุทิตาจิตผู้สูงอายุปี 2553 โดยมีนายแพทย์วีระวัฒน์ ยอแสงรัตน์ รอง ผอ.โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต แพทย์ พยาบาล แขกผู้มีเกียรติ และผู้สูงอายุเข้าร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้นายแพทย์เจษฎา ได้กล่าวว่า การจัดโครงการแสดงมุทิตาจิตผู้สูงอายุโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ตระหนักและให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุ ยกย่องเชิดชูคุณค่าของผู้สูงอายุ และให้บริการตามนโยบายของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และเพื่อให้ผู้สูงอายุได้รู้สึกถึงความสำคัญของตน รู้หลักในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและมีความสุขต่อชีวิตตนเอง

นายแพทย์เจษฎา กล่าวอีกว่า โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เป็นโรงพยาบาลต้นแบบในการให้บริการสุขภาพแก่ผู้สูงอายุแบบองค์รวมทั้ง 4 มิติสู่ชุมชน และโรงพยาบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งกิจกรรมมุทิตาจิตผู้สูงอายุก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาหลายปี เพื่อสืบสานวัฒนธรรมดีๆ ของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต แสดงความกตัญญูต่อผู้สูงอายุด้วยการทำพิธีรดน้ำดำหัว และเพื่อขยายการพัฒนา ระบบบริการสุขภาพในผู้สูงอายุที่มารับบริการ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จึงได้จัดทำโครงการแสดงมุทิตาจิตผู้สูงอายุโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ปี 2553ขึ้น ในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ


โลมาลายจุดตายเกยตื้นที่หาดป่าตอง


เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 19 เมษายน 53 ที่สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน อ.เมือง ภูเก็ต นางสาวพัชราภรณ์ แก้วโม่ง สัตว์แพทย์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ได้ทำการตรวจซากและผ่าซากโลมาลายจุดเพศผู้ อายุมากกว่า 25 ปี ยาวประมาณ 2 เมตร 19 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 60 กิโลเมตร ที่ได้รับมาจากชายหาดป่าตอง อ.กะทู้ ภูเก็ต


ทั้งนี้นางสาวพัชราภรณ์ แก้วโม่ง ได้กล่าวว่า โลมาลายจุดตัวนี้พบเกยตื้นที่หาดป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลหลายแห่งเต็มร่างกาย ฟันหลุดจนเกือบหมดปาก เป็นโลมาลายจุด อายุมากกว่า 25 ปี ถือว่าโตเต็มวัย ยาวประมาณ 2 เมตร 19 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 60 กิโลเมตร ทั้งที่จริงน้ำหนักน่าจะมากว่านี้หลายเท่า หากดูตามความยาวแสดงว่าโลมาตัวนี้ โดยลำตัวผอมแห้งคาดว่าไม่ได้กินอาหารมานับเดือน ตามร่างกายหลายแห่งมีบาดแผลคล้ายถูกเครื่องมือประมงทำให้ครีบหาง กลางลำตัว บริเวณปาก มีบาดแผลเน่า นอกจากนี้ยังพบว่าบริเวณหน้าท้องพบบาดแผลยาวลึก แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องทำการผ่าพิสูจน์อีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างทั้งหนัง และเลือดไว้ตรวจสอบ เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนต่อไป


มทภ.4 แนะใช้จุลินทรีย์ดูแลสิ่งแวดล้อม


เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 19 เมษายน 2553 ห้องประชุมคิง คาร์ล กุสตาฟ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต พล.ท.ดร.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นวิทยากรพิเศษบรรยายเรื่อง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (EM) โดยมีนพ.ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และคณะผู้บริหาร ตลอดจนประชาชนที่สนใจทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ก่อนการบรรยายแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ร่วมกับคณะผู้บริหารโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตและมูลนิธิมรรคาวาณิช ในโครงการอนุรักษ์หญ้าทะเลและพะยูน จ.ภูเก็ต ชมความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศหญ้าทะเล ซึ่งเป็นผลจากการใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ บริเวณแหล่งหญ้าทะเลบ้านป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมกับโยน EM Ball จำนวน 2,000 ลูก บริเวณที่หญ้าทะเลยังไม่อุดมสมบูรณ์ด้วย

พล.ท.ดร.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กล่าวถึงคุณสมบัติและประโยชน์ของจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ว่า จะสามารถช่วยในการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และลดการใช้สารเคมีที่ทำลายสิ่งแวดล้อมได้ อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้กับงานด้านสิ่งแวดล้อมทั้งฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลและบำบัดน้ำเสียคลองปากบาง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ซึ่งทางโรงพยาบาลฯ และมูลนิธิมรรคาวาณิช ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและยังมีผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจอีกด้วย

แม่ทัพภาค 4 ยังกล่าวว่า ด้วยว่า ด้วยภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ ด้วยความสวยงามของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องช่วยกันดูแลรักษาเพื่อให้ท่องเที่ยวเกิดความยั่งยืน และจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสามารถที่จะช่วยได้เป็นอย่างดีในการลดปัญหาน้ำเสีย และการเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับแหล่งหญ้าทะเล ซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญของพะยูน และขณะนี้ก็มีผลค่อนข้างชัดเจนมากขึ้น

อย่างก็ตามโครงการอนุรักษ์หญ้าทะเลและพะยูน จ.ภูเก็ต ดำเนินการโดยโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ซึ่งได้ร่วมกับมูลนิธิมรรคาวาณิช จัดกิจกรรมปั้นและโยน EM Ball เพื่อฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล ตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2552 ภายใต้การนำของ น.ส.ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะ และ น.ส.นนทลี มรรคาวาณิช ประธานมูลนิธิมรรคาวาณิช โดยมีแม่ทัพภาคที่ 4 ให้เกียรติเป็นที่ปรึกษาโครงการ อีกทั้งยังมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เดือนละ 1 ครั้ง แต่ละครั้งจะโยน EM Ball จำนวน 10,000 ลูก พร้อมกับฉีดน้ำ EM ขยายร่วมด้วย ส่งผลให้หญ้าทะเลในบริเวณนั้นอุดมสมบูรณ์มากขึ้น จากข้อมูลที่ได้สอบถามจากชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรบ้านป่าคลอก ซึ่งอาศัยและหากินอยู่บริเวณชายทะเลมาหลายปี ชาวบ้านบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ปีนี้หญ้าทะเลมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าปีที่ผ่านมาจนเห็นได้ชัด


วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

เครือข่ายประชาชนฯภูเก็ตกว่าพันคนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล



เมื่อเวลา 15.30 น.ของวันที่ 19 เมษายน 2553 ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลาง จ.ภูเก็ต เครือข่ายประชาชน คนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จังหวัดภูเก็ต จำนวนกว่า 1,000 คน นำโดยนายมนู เขียวคราม และนายมงคล รัตนะ พร้อมด้วยพระบรมสาธิตลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ธงชาติไทย ธงตราสัญลักษณ์ และแผ่นป้ายผ้าข้อความต่างๆ เช่น ชาวภูเก็ตจะร่วมปกป้องชาติ สถาบัน เราคนไทยสีเดียวกัน, เชื่อมั่นประเทศไทย เชื่อมั่นอภิสิทธิ์, หยุดการเนรคุณแผ่นดินเกิด หยุดล้างสมองผู้ชุมนุมที่บริสุทธิ์ หยุดเอาผู้ชุมนุมเป็นโล่ห์มนุษย์, ชาวภูเก็ตไม่ต้องการยุบสภา, หยุดทำร้าย ทำลายบ้านเมือง, ชาวภูเก็ตจะร่วมปกป้องชาติ สถาบัน เราคนไทยสีเดียวกัน เป็นต้น ได้อ่านแถลงการณ์และยื่นแถลงการณ์ให้กำลังใจและสนับสนุนนายกรัฐมนตรีไม่ให้ยุบสภาฯ และไม่ให้ลาออก ผ่านทางนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต

ทั้งนี้นายมนู เขียวคราม แกนนำอ่านแถลงการณ์ ความว่า เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่ากลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งได้รวมตัวเรียกร้องกดดันให้นายกรัฐมนตรียุบสภาหรือลาออกจากการบริหารประเทศ โดยได้ยกเหตุผลในการเรียกร้อง ว่า เป็นรัฐบาลที่มาจากเผด็จการทหาร ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตามวิถีทางประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีก็มีคู่แข่งตามครรลองประชาธิปไตยในสภาผู้แทนราษฎร และผ่านการลงคะแนนเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจนได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลุ่มคนเสื้อแดง โดยการนำของสามเกลอภายใต้การบงการของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ได้พยายามใส่ร้ายป้ายสี ขัดขวางการบริหารประเทศของนายกฯ และรัฐบาลมาโดยตลอด ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จจนทำให้ประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าใจผิดเกลียดชัง มุ่งทำร้ายและทำลายตลอดเวลา

นอกจากนี้ในการชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงกว่าหนึ่งเดือนได้ข่มขู่ คุกคาม มาดร้าย ต่อตัวนายกฯ และพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ จนกลายเป็นกลุ่มอันธพาลครองเมือง สร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นอย่างมาก ประชาชนชาวไทยและชาวจังหวัดภูเก็ตที่ได้ติดตามข่าวจากสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ สรุปได้ว่าการชุมนุมเรียกร้องกดดันให้ นายกฯ ยุบสภาทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ได้ใช้มาตรการต่างๆ ไม่สอดคล้องกับกฎหมายที่ให้สิทธิกับประชาชนในการเรียกร้องหรือตรวจสอบการบริหารประเทศของรัฐบาล อีกทั้งข้อเรียกร้องไม่ได้ทำเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ทำเพื่อ นช.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียวเท่านั้นและได้จาบจ้วงสถาบันสูงสุดของประเทศอย่างไม่ยำเกรงกฎหมายของบ้านเมืองแต่ประการใด

“ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดความแตกแยกอย่างรุนแรงนี้ เราขอให้กำลังใจ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้บริหารประเทศต่อไป อย่าได้ยุบสภาหรือลาออกโดยเด็ดขาด เรามีความเชื่อว่าประชาชนชาวไทยทั้งประเทศมีความเข้าใจเห็นใจนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะท่านได้ทำหน้าที่ นายกฯ ของประชาชนคนไทยทั้งประเทศอย่างแท้จริง เราพร้อมจะยืนเคียงข้างท่านและพร้อมจะสนับสนุนท่านในการแก้ไขปัญหาวิกฤตชาติให้ผ่านพ้นให้ได้ เราเชื่อใจ มั่นใจ ในตัวท่าน นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”

“เทศบาลตำบลวิชิตคัพ” ต้านยาเสพติด


นายกรีฑา แซ่ตัน นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต อำเภอเมือง ภูเก็ต ได้กล่าวถึงการจัดการแข่งขัน “เทศบาลตำบลวิชิตคัพ” ว่า ด้วยทางเทศบาลตำบลวิชิต ได้เล็งเห็นความสำคัญในการออกกำลังกาย รวมทั้งการส่งเสริมสุขภาพประชาชนและเยาวชนในพื้นที่ สร้างความรักสามัคคี ร่วมกัน และส่งเสริมให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการเล่นกีฬา รวมถึงเพื่อเป็นการป้องกันปัญหายาเสพติดในพื้นที่ พัฒนาศักยภาพบุคคลในด้านการกีฬา

เทศบาลตำบลวิชิต จึงจัดแข่งขันฟุตบอลต้านยาเสพติด “เทศบาลตำบลวิชิตคัพ” ประจำปี 2553 ขึ้น โดยจะกำหนดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 22 เมษายน 2553 รับสมัครจำนวน 12 ทีม ไม่จำกัดอายุ โดยผู้สมัครต้องเป็นสัญชาติไทย มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเทศบาลตำบลวิชิตไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันที่ ปิดรับสมัคร

สำหรับรางวัลการแข่งขัน ชนะเลิศ จะได้รับถ้วยรางวัลพร้อมเงินรางวัล 20,000 บาท รองชนะเลิศ อันดับ 1จะได้รับถ้วยรางวัลพร้อมเงินรางวัล 10,000 บาท รองชนะเลิศ อันดับ 2 ถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล 7,000 บาทรองชนะเลิศ อันดับ 3 ถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล 5,000 บาท

โดยจะทำการแข่งขันในระหว่างวันที่ 1 – 14 พฤษภาคม 2553 ณ สนามฟุตบอลสวนศรีภูวนาถ ถ.พัฒนาท้องถิ่น ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ผู้สนใจส่งทีมเข้าแข่งขันสามารถขอรับระเบียบการแข่งขัน ได้ที่ สำนักงานเทศบาลตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลตำบลวิชิต กองการศึกษา โทร 0-7652-5100 ต่อ 170, 172 หรือ ดาวน์โหลดระเบียบการแข่งขันได้ที่ http://www.phuket-vichit.go.th/


รณรงค์สัญจรปลอดภัย มีวินัย ไทยเข้มแข็ง



นายนิยมพงษ์ ต่อวงศ์ หัวหน้าหน้าแผนกสื่อสารการตลาด และเจ้าหน้าที่รพ.กรุงเทพภูเก็ต ให้การต้อนรับนางจิรดา ดีชัยยะ ผอ.สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.ภูเก็ต พร้อมทีมงาน ในโอกาสเข้าเยี่ยมผู้ประสบอุบัติเหตุในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลสงกรานต์ กับโครงการ “สัญจรปลอดภัย มีวินัย ไทยเข้มแข็ง” เพื่อร่วมรณรงค์ ขับขี่ปลอดภัย ลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปีนี้ พร้อมมอบสายรัดข้อมือลวดลายธงชาติให้กับผู้ป่วย ทั้งนี้ รพ.กรุงเทพภูเก็ตพร้อมสนับสนุนและร่วมรณรงค์ให้ชาวภูเก็ตขับขี่อย่างปลอดภัยในทุกๆ เทศกาลด้วยเช่นกัน


ดูแลนักกีฬา Cricket นานาชาติ



โรงพยาบาลสิริโรจน์ (Phuket International Hospital) ส่งทีมแพทย์และพยาบาล ไปให้การดูแลและบริการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน Cricket นานาชาติ ครั้งที่ 6 ณ สนามกีฬากะรน ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต ในระหว่างวันที่ 15 - 18 เมษายน 2553 ที่ผ่านมา