เมื่อวันที่ 26 กันยายน 53 ร.ต.อ.สมชาย หนูบุญ ร้อยเวร สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากแม่บ้านโรงแรม ต.ทรงแสง ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.วิชิต อ.เมือง ภูเก็ต ว่า พบศพคนเสียชีวิตภายในห้องหมายเลข 29 ของโรงแรมโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังรับแจ้งก็ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รอง.ผกก.สส.เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ที่เกิดเหตุเป็นโรงแรมม่านรูด สร้างแบ่งเป็น 2 ข้างส่วนห้องที่เกิดเหตุอยู่ที่ห้องที่ 9 ทางด้านขวา เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึง แม่บ้านก็ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในห้องดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบศพเป็นชายไทยอายุประมาณ 60 – 65 ปี นอนหงายอยู่บนเตียง นุ่งผ้าขนหนูสีชมพูของโรงแรม จากการตรวจสอบพบว่าตามร่างกายมีรอยสัก ข้อมือซ้ายใส่นาฬิกาแบบสายเหล็ก ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการต่อสู้และรื้อค้นทรัพย์สินและไม่พบหลักฐานว่าผู้ตายเป็นใคร สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วไม่เกิน 1 ชม.จากการตรวจสอบบนโต๊ะเครื่องแป้งพบน้ำเขียวอัดลมจำนวน 2 ขวดถูกเปิดฝาขวดวางไว้ แต่มีการดื่มกินไปแล้วเพียง 1 ขวด มีเสื้อเชิ้ตแขนสั้น และกางเกงขายาวสีน้ำเงินวางพาดอยู่บนโต๊ะ นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังได้ยังพบถุงยางอนามัยใช้แล้ว ถูกทิ้งไว้ในถังขยะข้างโต๊ะเครื่องแป้ง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จัดทำบันทึกสถานที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะมอบศพผู้เสียชีวิตให้กับเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต นำส่งรพ.วชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ได้ทำการชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เก็บขวดน้ำอัดลมทั้ง 2 ขวด ส่งกองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ภูเก็ต เพื่อตรวจสอบหาสารพิษต่อไป
ทั้งนี้จากการสอบถามแม่บ้านที่มาพบศพทราบว่า ในช่วงเวลา 09.30 น.ของวันเดียวกัน ผู้ตายพร้อมด้วยหญิงสาวอายุระหว่าง 35 – 40 ปีขี่รถ จยย.พ่วงข้างยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บ 1247 ภูเก็ตเข้ามาจอดช่องจอดรถของห้องหมายเลข 28 จากนั้นได้เดินเข้ามายังห้องหมายเลข 29 โดยได้บอกกับแม่บ้านว่าเปิดห้องชั่วคราว จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.45 น.หญิงสาวดังกล่าวได้เดินออกจากห้องแบบลุกลีลุกรนมุ่งตรงไปยังถนนใหญ่พร้อมกับเรียกรถ จยย.รับจ้างเข้าไปยังตัวเมืองภูเก็ต แต่ไม่มีใครสนใจ และเมื่อครบ 2 ชม.แม่บ้านได้เดินไปเคาะห้อง เพื่อแจ้งหมดเวลา แต่พบว่าประตูห้องไม่ได้ล็อคลูกบิด เมื่อเปิดเข้าไปพบศพชายดังกล่าวนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนอนเสียชีวิตแล้ว โดยตำรวจตั้งประเด็นการเสียชีวิตไว้ 2 เรื่องหลักๆ คือ คู่ขาอาจลอบวางยาใส่ในน้ำเขียวอัดลม เพื่อปลดทรัพย์ แต่ยาอาจเกินปริมาณ ทำให้หัวใจล้มเหลวฉับพลัน จากนั้นคู่ขาได้ฉกกระเป๋าเงินพร้อมเอกสารไป หรืออาจเป็นไปได้ว่าหลังเสร็จกิจ ผู้ตายอาจนอนพักแล้วเกิดหัวใจล้มเหลวกะทันหัน ทำให้คู่ขาตกใจแล้วหยิบกระเป๋าเงินของผู้ตายติดมือไปด้วย จากการสอบถามแม่บ้านทราบว่าผู้ตายและหญิงสาวดังกล่าวเป็นลูกค้าประจำของโรงแรม ซึ่งมักจะมาเปิดห้องในห้วงเวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามหญิงสาวมาสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น