จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

อดีตรมว.คลัง บอกคนภูเก็ตต้องช่วยตัวเอง



เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2555 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต นายสุชาติ ธาราดำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนางสาวศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมหารือเรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานของจังหวัดภูเก็ต ด้านเศรษฐกิจและสังคมตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และเพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตในอนาคต เพื่อความยั่งยืน โดยมีนายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายขันตี ศิลปะ นายอำเภอกะทู้ น.ส.ชวนชม จันทะวงษ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายวีระพงษ์ ไวทยะวงศ์กุล ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต นายสถาพร ศรชนะ รองผู้อำนวยการแขวงการทางภูเก็ต ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีนายวิสิษฐ์ ใจอาจ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยภูเก็ต คณะกรรมการโครงการหมู่บ้านและชุมชน (SML) และแกนนำหมู่บ้านต่างๆ เข้าร่วม
ทั้งนี้ได้มีการหารือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคเพื่อรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยว อาทิ โครงการก่อสร้างทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 402 กับ 4020 (สี่แยกไทนาน) ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณปี 2555 จำนวน 600 ล้านบาท โครงการทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 402 กับถนนเยาวราช (สี่แยกโลตัส) งบประมาณ 700 ล้านบาท คาดว่าจะได้งบประมาณในปี 2556 โครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนระบบราง โครงการเจาะอุโมงค์ป่าตอง เป็นต้น การดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและกองทุน SML ให้มีความเข้มแข็งและมั่นคง โครงการก่อสร้างที่พักอาศัยเพื่อแก้ปัญหาคนเร่ร่อนในพื้นที่ และโครงการอื่นๆ ซึ่งมีตัวแทนของชุมชนได้เสนอปัญหา เช่น ปัญหาการจดทะเบียนคนพิการ การรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขอรัฐบาลส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน โครงการถนนใต้เสาไฟฟ้า โครงการถนนศักดิเดช-สะพานหิน ระยะทาง 600 เมตร ตัดผ่านป่าชายเลนคลองเกาะผี เป็นต้น
อย่างไรก็ตามนายสุชาติ กล่าว่า ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีโอกาสในการทำรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ยังมีปัญหาในเรื่องการพัฒนา โดยเฉพาะสาธารณูปโภคในการรองรับและอำนวยความสะดวกต่างๆ เพราะยังยึดติดกับแนวคิดการบริหารรูปแบบเดิมๆ ที่จะต้องรองบประมาณจากรัฐบาลกลาง ซึ่งมักมองว่าภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ร่ำรวย ดังกล่าวจึงได้รับการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนามาให้ค่อนข้างน้อยเพราะจะต้องนำไปให้กับจังหวัดยากจนก่อน
ดังนั้นจึงฝากไปยังผู้บริหารท้องถิ่นและผู้ที่เกี่ยวข้องให้คิดนอกกรอบ แทนการรองบประมาณจากรัฐบาลกลางซึ่งล่าช้า ด้วยการเสนอโครงการที่สามารถจัดหางบประมาณมาทำได้เอง เพราะทราบว่ามีหลายโครงการที่ภาคเอกชนสนใจจะเข้ามาลงทุน โดยเราจะต้องกำหนดรูปแบบให้ชัดเจน ว่าจะเป็นการสัมปทานหรือรูปแบบใด และจะต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น