เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 23 ตุลาคม 2555 ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลถลาง จ.ภูเก็ต น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ รักษาราชการแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต, นพ.อานนท์ แก้วบำรุง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลถลาง, น.ส.ชวนชม จันทวงศ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต และนางจิรนันท์ เจียมเจริญ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงความคืบหน้ากรณีหญิงวัย 32 ปี คลอดบุตรสาวและทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลถลางเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา
โดยได้หลบออกไปพักตามบ้านเพื่อนร่วมงานซึ่งไม่เคยทราบมาก่อนว่าหญิงคนดังกล่าวท้องจนกระทั่งเห็นข่าวในสื่อต่างๆ ว่า ขณะนี้แม่และลูกได้มาอยู่ด้วยกันแล้ว หลังจากที่มีการนำเสนอข่าว และมีการออกติดตามของเจ้าหน้าที่จนสืบทราบว่าหญิงคนดังกล่าวทำงานอยู่ที่ใด โดยให้เพื่อนที่ทำงานได้ช่วยประสานและให้กำลังใจต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้แม่กับลูกได้อยู่ด้วยกัน และจะได้ดำเนินการในเรื่องของการแจ้งคลอด เพื่อเด็กจะได้มีเลขประจำตัว 13 หลัก รับสิทธิต่างๆ ได้ตามกฎหมาย
นพ.อานนท์ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับแม่ของเด็กไม่พร้อมที่จะเปิดเผยตัว ส่วนสาเหตุที่ทิ้งลูกไปนั้น เนื่องจากประสบกับปัญหาครอบครัวและมีฐานะยากจน ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพียงลำพัง แม้จะได้ทำงานกับบริษัทเอกชนรายหนึ่งในพื้นที่ถลางแต่ทำได้เพียง 5 เดือน จึงยังไม่ได้รับสิทธิการคลอดบุตรในส่วนของประกันสังคม ประกอบกับไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เกรงจะนำลูกไปลำบากเพราะต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ในส่วนของสุขภาพร่างกายแม่นั้นอ่อนเพลียมีไข้เล็กน้อยและมีจิตใจที่บอบช้ำมาก ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ขณะที่ลูกสาวมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี
สำหรับผู้ที่มีความประสงค์และให้การช่วยเหลืออุปถัมภ์ สามารถบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเด็กและมารดา บัญชีธนาคารอิสลาม สาขาโลตัส ถลาง ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี กองทุนโรงพยาบาลถลางเพื่อแม่และเด็ก เลขที่บัญชี กองทุนโรงพยาบาลถลางเพื่อแม่และเด็ก หรือทางโทรศัพท์หมายเลข 08-5888-2534 ซึ่งจะได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลและบริหารจัดการกองทุนก้อนนี้ในการจะนำไปดูแลแม่และเด็กอย่างเหมาะสมต่อไป นพ.อานนท์ กล่าว
ขณะที่นางจิรนันท์ เจียมเจริญ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว กล่าวชี้แจงกรณีข้อสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอนของกฎหมาย ว่า ในส่วนของคดีความนั้นเนื่องจากเป็นการแจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐานซึ่งคงไม่เป็นปัญหา และมีกฎหมายคุ้มครองเด็กและสตรีคุ้มครองอยู่ ประกอบกับจากการตรวจสอบมูลเหตุของการทิ้งลูกของหญิงรายดังกล่าวมาจากภาวะจำยอมด้วยมีฐานะลำบาก ยากจน ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และขณะนี้พบว่าจิตใจบอบช้ำมาก ซึ่งหลังจากนี้ก็จะรับตัวไปอยู่ในความดูแลของทางบ้านพักเด็กและครอบครัวอย่างน้อย 90 วัน เพื่อเตรียมความพร้อมของแม่ว่าจะรับลูกไปดูแลเองหรืออย่างไร หากแม่ไม่สามารถดูแลได้ก็จะส่งเด็กไปยังสถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา ต่อจากนั้นก็ว่ากันไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น