เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2556 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลาประชาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการอบรมเยาวชนสมานฉันท์ จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2556 โดยมีนายทวิชาติ อินทรฤทธิ์ วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ผู้นำศาสนา ครู อาจารย์ นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 200 คน
ทั้งนี้นายทวิชาติ อินทรฤทธิ์ วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวว่า โครงการอบรมเยาวชนสมานฉันท์ จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2556 เป็นความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต คณะกรรมการศาสนิกสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต และผู้นำศาสนาต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ได้จัดขึ้น
เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้ในความแตกต่างหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และเคารพให้เกียรติในวิถีชีวิตที่แตกต่าง พร้อมทั้งให้เยาวชนได้เกิดจิตสำนึกในความเป็นชาติ ความสามัคคี เสริมสร้างความปรองดองสนามฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคม มีความเข้มแข็งทางจริยธรรม เป็นคนดีของสังคม และพร้อมที่จะตอบแทนคุณแผ่นดิน
โดยมีเยาวชนที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ประกอบด้วย เยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพในจังหวัดภูเก็ตที่นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม และศาสนาคริสต์ จำนวน 120 คน โดยได้รับงบประมาณจากกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนวิทยากรจากผู้ทรงคุณวุฒิจากทุกศาสนาและผู้ทรงคุณวุฒิด้านเอกลักษณ์ของชาติ
ด้านนายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวว่า ประเทศไทยวันนี้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม แต่คนในสังคมก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและสมานฉันท์ สังคมที่แตกต่างหลากหลายอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้นั้น คนในสังคมจะต้องเข้าใจในวิถีชีวิตที่แตกต่าง
และเคารพในการดำเนินชีวิตทางวัฒนธรรมของแต่ละเชื้อชาติ ศาสนาที่แตกต่างกัน การส่งเสริมการเรียนรู้ในเรื่องวัฒนธรรมของคนในชาติให้แก่เยาวชนที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และควรรีบดำเนินการอย่างยิ่ง
การอบรมในครั้งนี้ เยาวชนที่เข้ารับการอบรมคงจะได้รับความรู้ ความเข้าใจ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักธรรมทางศาสนา และหลักการสร้างความสมานฉันท์ รวมทั้งได้มีประสบการณ์การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และมีมิตรไมตรีที่ดีต่อกันระหว่างเพื่อนต่างศาสนาเพิ่มมากขึ้น
นับเป็นโอกาสอันดีที่เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการที่จะได้เป็นแกนนำเครือข่ายสร้างความเข้าใจ ของความสมานฉันท์ไปยังบุคคลที่ใกล้ชิด และบุคคลต่างๆ ในสังคม เพื่อนำประสบการณ์ไปเผยแพร่แก่บุคคลอื่นได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น