เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2557 ที่ห้องประชุม ชั้น 3 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ รอง ผบช.ภ.8 รรก.ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที พ.ต.อ.พินิจ ศิริชัย รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ่งฉ้วน รอง ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม
ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนาย MANQUBA PARKER NGCOBO สัญชาติแอฟริกา อายุ 32 ปี หนังสือเดินทางเลขที่ A 02481912 พร้อมด้วยของกลางบัตรเครดิตปลอม จำนวน 72 ใบ เงินไทยจำนวน 16,850 บาท เงินสกุลแอฟริกาจำนวนหนึ่ง และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ โดยตั้งข้อกล่าวหาว่า มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม มีไว้เพื่อนำออกใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าทำเป็นครั้งแรก
สำหรับพฤติกรรมในการจับกุมสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้สืบสวนติดตามกลุ่มคนร้ายชาวต่างชาติที่เข้ามาก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ในพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ต โดยให้มีการประสานงานกับหน่วยงานข้างเคียงที่เกี่ยวข้องและฝ่ายสืบสวนของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนร้ายที่นำเอาบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมเข้ามากดเงินตามตู้เอทีเอ็มตามจุดต่างๆ
จนกระทั่งได้รับการประสานจากฝ่ายตรวจสอบว่า มีคนร้ายชาวต่างชาติผิวดำได้นำเอาบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมมาตะเวนกดเงินตามตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ป่าตอง กะตะ กะรน ในช่วงระหว่างวันที่ 17-19 มิถุนายน 2557 จึงได้เข้าทำการสืบสวน โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามแกะรอยจากจุดต่างๆ ที่คนร้ายเข้าไปก่อเหตุทำให้ทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวด้ไปพักที่ห้องพัก 174 โรงแรม HORIZON ป่าตอง จึงได้วางแผนเฝ้าดู
และเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 20 มิถุนายน 2557 เจ้าหน้าที่พบชายคนดังกล่าวได้เดินทางกลับมาจากด้านนอกและเปิดประตูเข้าไปยังห้อง 174 โรงแรมดังกล่าว จึงได้แสดงตนเข้าทำการตรวจค้น จนทราบชื่อนาย MANQUBA PARKER NGCOBO สัญชาติแอฟริกา อายุ 32 ปี พบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมจำนวน 72 ใบ พร้อมเงินไทย และเงินสกุลแอฟริกา
จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การว่า ได้ซื้อบัตรอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวมาจากเพื่อนในประเทศแอฟริกาใต้ แล้วนำมาตะเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในจังหวัดภูเก็ต จนถูกจับกุมดังกล่าว ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้นต้องรอการตรวจสอบทางเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้มีข้อมูลด้วยว่าผู้ต้องหารายดังกล่าวเข้ามาประเทศไทยรวม 3 ครั้ง โดยเข้ามาอยู่ครั้งละประมาณ 4-5 วัน ส่วนจะมีผู้ร่วมแก็งค์อีกหรือไม่ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น