ร่วมอนุรักษ์เต่าทะเล “keep Calm Love Turtle” หาดในยาง
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 บริเวณชายหาดในยาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายโชคชัย เดชอมรธัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พลเรือตรี เจริญพล คุ้มราษี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ว่าที่ร้อยตรี วิกรมจากที่ นายอำเภอถลาง นายหิรัญ กังแฮ นักวิชาการประมงชำนาญการ สถาบันวิจัยและพัฒนาทางทะเล และชายฝั่งอันดามัน และนายปัญญา วงศ์ทวีพิทยากุล ประธานกรรมการจัดงานกิจกรรมฟื้นฟูและอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล
ร่วมแถลงข่าวการจัดกิจกรรม “keep Calm Love Turtle ครั้งที่ 5" อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม 2560 ระหว่างเวลา 10.00 น.-18.30 น. บริเวณชายหาดในยาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช ทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในโอกาสทรงขึ้นครองสิริราชสมบัติ ตลอดจนเป็นการร่วมกันอนุรักษ์เต่าทะเล ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วย
สำหรับกิจกรรมดังกล่าว ได้รับความร่วมมือกันจากหลายภาคส่วน อาทิ โรงแรมในยาง บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา โรงแรมแน็ปป่าตอง โรงแรมพราว ภูเก็ต บริษัท ซีค ดีไซด์ จำกัด คณะการบริการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต กิจกรรมภายในงาน จะประกอบด้วย การปล่อยเต่าตนุอายุตั้งแต่ 10 ถึง 12 เดือน จำนวนทั้งสิ้น 150 ตัว ลงสู่ทะเลบริเวณชายหาดในยาง การบรรยายทางวิชาการเกี่ยวกับวิธีการปล่อยเต่าที่ถูกวิธีโด นายหิรัญ กังแฮ นักวิชการประมงชำนาญการ จากศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน การแสดงและบูธแสดงสินค้าต่างๆ
นายโชคชัย เดชอมรธัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า กิจกรรมอนุรักษ์เต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติครั้งนี้ ไม่เพียงจะช่วยกระตุ้นจิตสำนึกของคน ให้หันมาใส่ใจต่อการร่วมกันอนุรักษ์เต่าทะเลมากขึ้น ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แล้ว ยังเป็นการช่วยกันรณรงค์ให้ชุมชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว ใส่ใจต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้เต่าทะเล ได้กลับมาวางไข่ในพื้นที่นี้อีกครั้ง หลังพบว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชายหาดทางทิศตะวันตกทั่วเกาะภูเก็ตไม่พบว่ามีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่อีกเลย
ขณะที่นายหิรัญ กังแฮ นักวิชาการประมงชำนาญการ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งทะเลอันดามัน ระบุว่า ลูกเต่าที่ปล่อยคืนสู่ทะเลต้องมีอายุอย่างต่ำ 8 เดือนขึ้นไป และต้องมีสุขภาพดี พร้อมที่จะสามารถเอาตัวรอดในธรรมชาติได้เอง โดยเต่าตนุทุกตัวจะถูกติดตั้งอินโคเนลเทค (Inconel Tag) ที่ขาคู่หน้าด้านขวา และฝังไมโครชิพ (Microchip) ที่ไหล่ด้านซ้ายเอาไว้ ก่อนปล่อยลงสู่ทะเลทุกครั้ง ทั้งนี้ผลจากการจัดกิจกรรมปล่อยเต่าคืนสู่ธรรมชาติในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีข้อมูลว่าชาวประมงพบเห็นประชากรเต่า และประสานกลับมายังศูนย์วิจัยตามข้อมูลที่มีการระบุไว้ในอินโคเนลเทค รวมทั้งสิ้น 15 ครั้ง นับเป็นสิ่งบ่งชี้ที่ดีว่า ชุมชนเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์เต่าทะเลเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามปัจจุบันจำนวนประชากรเต่าทะเลน่าเป็นห่วง
เนื่องจากมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยหลายปัจจัย อาทิ การถูกล่าเพื่อนำเนื้อและไข่มาบริโภค การเติบโตขึ้นของชุมชนเมือง การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติของชายหาด และแนวปะการังซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเต่าทะเล ทำให้เต่าทะเลที่จะเจริญเติบโตไปเป็นพ่อแม่พันธุ์ลดลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ที่ผ่านมาในประเทศไทยสถิติการวางไข่ของเต่าทะเลลดลงมากกว่า 5 เท่า จากเดิมเคยมีข้อมูลพบมากกว่า 2,500 รังต่อปี ปัจจุบันเหลือเพียง 300-400 รังต่อปี ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต ล่าสุดไม่พบข้อมูลว่ามีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่อีกเลย โดยส่วนมากพบว่า เต่าตนุจะขึ้นไปวางไข่ที่เกาะสิมิลัน เนื่องจากมีความเงียบสงบ อย่างไรในอดีต ชายหาดในยาง จังหวัดภูเก็ต เคยถูกพบว่าเป็นพื้นที่หนึ่ง ที่พบเห็นเต่าตนุขึ้นมาวางไข่เป็นจำนวนมาก นายหิรัญกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น