“เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์” นายกเล็กเมืองป่าตอง
มุ่งพัฒนา “สิ่งแวดล้อมเมือง” สู่ท่องเที่ยวยั่งยืน
“ป่าตอง” แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ตและประเทศไทย ด้วยความสวยงามของหาดทรายและชายทะเล จึงทำให้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ จากลักษณะภูมิประเทศซึ่งโอบล้อมด้วยทิวเขา มีพื้นที่ทั้งหมด 5.4 ตารางเมตร ถือว่าไม่ได้กว้างขวางมากนัก และจากการเติบโตของการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมของเมืองตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ขยะ น้ำเสีย จราจร และภูมิทัศน์เมือง จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องวางแผนในการพัฒนาในทุกมิติอย่างสอดคล้อง เพื่อให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
นางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวถึงแนวคิดในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมเมือง และหนึ่งในนั้น คือ การทำป่าตองให้เป็นเมืองแห่งการเดินว่า นโยบายดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมของเมือง หลังจากที่เราทำเมืองให้สะอาดด้วยการลดปริมาณขยะด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การคัดแยกขยะ การทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารเป็นต้น จนถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าจะยังไม่สมบูรณ์ 100 % ตาม และยังคงต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพราะการสร้างจิตสำนึกเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่เป็นที่น่าภูมิใจว่า
ขณะนี้เราได้รับความร่วมมือจากจิตอาสาที่มาร่วมกันดูแลในเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนทำให้ปัจจุบันความสะอาดของเมืองป่าตองดีขึ้นตามลำดับ ขณะเดียวกันก็จะต้องทำให้เมืองมีความร่มรื่น สวยงาม น่าอยู่ น่าอาศัยและน่าท่องเที่ยว ด้วยการทำให้เป็นเมืองแห่งการเดินที่สมบูรณ์แบบ เชื่อมโยงถนนทุกสาย โดยเฉพาะถนนสายหลักทั้ง 9 สาย ให้สามารถเดินถึงกันได้โดยรอบ ไม่เฉพาะในจุดท่องเที่ยวเท่านั้นแต่ยังเชื่อมต่อไปถึงชุมชน ซึ่งจะก่อให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวและรายได้ลงสู่หมู่บ้านชุมชนเหมือนกับเมืองท่องเที่ยวระดับโลกหลายๆ เมือง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้เริ่มดำเนินการแล้วในบางเส้นทาง โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ครอบคลุมในพื้นที่ทั้ง 5.4 ตารางกิโลเมตร
“เพื่อให้บรรลุไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ในแต่ละปีได้มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อทำการปรับปรุงผิวจราจร และทางเดินเท้าให้มีความสวยงาม สามารถเดินได้โดยไม่มีสิ่งกีดขวางและเชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งหมด โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 เช่น ถนนสวัสดิรักษ์ ถนนไสน้ำเย็น ถนนร่วมใจพัฒนา ถนนบางลา ถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี เป็นต้น และในปีงบประมาณ 2563 ได้ตั้งงบประมาณที่จะดำเนินการเพิ่มเติมบนถนนทวีวงศ์ ซึ่งเป็นถนนสายหน้าหาดป่าตอง มีระยะความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร ตั้งแต่สะพานคอรัลบีช จนถึงสามแยกแหลมเพชร โดยจะเข้าไปดำเนินการหลังจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการนำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารต่างๆ ลงดินให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ประมาณปีหน้า
ซึ่งขณะนี้ได้มีการออกแบบรายละเอียดและจัดสรรงบประมาณรอไว้แล้ว ทั้งการปรับผิวจราจร ทางเดินเท้า ไฟฟ้าแสงสว่าง และปรับภูมิทัศน์ คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณ 70-80 ล้านบาท แต่เบื้องต้นจะดำเนินการในส่วนที่จำเป็นก่อน คือ ผิวจราจรและทางเท้า คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณ 40 ล้านบาท และถนนสายหลักของเมืองจนครบทั้ง 9 สาย นอกจากรองรับเมืองแห่งการเดินทางแล้ว ยังพบว่าถนนหลายสายใช้งานมานานและชำรุด จึงต้องได้รับการแก้ไขควบคู่กันไป และเพื่อให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นก็จะมีการปลูกต้นไม้เพื่อให้ความร่วมรื่นและสวยงาม หลังจากนั้นก็จะเข้าไปพัฒนาถนนในชุมชน เพื่อให้สามารถต่อเชื่อมกันได้ในลักษณะของใยแมงมุม”
นางสาวเฉลิมลักษณ์ กล่าวด้วยว่า อีกประเด็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของเมือง คือ เรื่องน้ำเสีย ซึ่งถือเป็นเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวโดยตรง เพราะหากเราปล่อยให้มีน้ำเสียลงไปในทะเลอยู่อย่างต่อเนื่องก็จะกระทบกับภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ทางเทศบาลก็พยายามที่จะเก็บน้ำเสียทั้งที่เกิดจากบ้านเรือนและสถานประกอบการต่างๆ ให้เข้าสู่ระบบบำบัดให้ได้ทั้งหมด เนื่องจากขณะนี้ได้มีการวางระบบเพื่อให้สามารถเชื่อมท่อได้เกือบเต็มพื้นที่ แต่ก็ยังมีผู้ที่หลบเลี้ยง ซึ่งก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ณ ปัจจุบันเรามีโรงบำบัดน้ำเสียซึ่งสามารถรองรับได้วันละ 30,000 ลูกบาศก์เมตร
และขณะนี้ได้มีการตั้งงบประมาณเพื่อจะดำเนินการในเฟสที่ 5 เพื่อรองรับน้ำเสียได้อีกประมาณ 9,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อรองรับการเติบโตด้านการท่องเที่ยวในอนาคต ใช้งบประมาณ 130 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2564 เนื่องจากขณะนี้ได้มีการวางแผนในการพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองไมซ์ หากไปถึงจุดนั้นปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และปริมาณน้ำเสียก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ปัจจุบันปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้น ในช่วงโลว์ซีซั่นจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 ลูกบาศก์เมตร แต่หากเป็นช่วงไฮซีซั่นปริมาณน้ำเสียจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 ลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ทางเทศบาลฯ ยังได้มีการเสนอของบประมาณจากกองทุนสิ่งแวดล้อม เพื่อจัดสร้างโรงบำบัดสิ่งปฎิกูลโดยเฉพาะ เพื่อบำบัดฟอสฟอรัสและไนโตรเจน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดแพลนตอนบูม ซึ่งถือเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่จะเร่งแก้ไข
“ตอนนี้ปัญหาเรื่องน้ำเสียที่เทศบาลฯ ยังมีความกังวลอยู่มีเพียงเรื่องเดียว คือ ดินเลนที่สะสมอยู่ในคลองปากบาง ซึ่งเป็นของเก่าที่จะต้องนำมันออก แต่เป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยากกับระยะทางของคลอง 3 กิโลเมตร เพราะจะต้องทำการขุดลอกทุกปี และต้องใช้งบประมาณสูง และในช่วงที่ขุดก็จะเกิดปัญหาน้ำดำไหลลงทะเล เนื่องจากคลองปากบางเชื่อมต่อถึงทะเลโดยตรง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด” นายกเทศมนตรีเมืองป่าตองกล่าวทิ้งท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น