จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563

เทสโก้ โลตัส เดินหน้าขยายโครงการ “กินได้ไม่ทิ้งกัน” สู่จังหวัดภูเก็ต

เทสโก้ โลตัส เดินหน้าขยายโครงการ “กินได้ไม่ทิ้งกัน” สู่จังหวัดภูเก็ต บริจาคอาหารที่จำหน่ายไม่หมดแต่ยังรับประทานได้จากสาขาใหญ่ทุกสาขาให้มูลนิธิและผู้ยากไร้ ท่ามกลางผลกระทบจากโควิด-19 ที่ส่งผลให้ประชาชนบนเกาะตกงานและขาดรายได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังร่วมกับหอการค้าไทย ขับเคลื่อนวาระขยะอาหารในกลุ่มเครือข่ายสมาชิกทั่วประเทศ

 

นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า ตามที่กลุ่มเทสโก้ ได้ตั้งเป้าหมายลดปริมาณขยะอาหารให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี ค.ศ. 2030 สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กรสหประชาชาติ (SDG) ข้อ 12.3 (Target 12.3) เทสโก้ โลตัสได้ดำเนินโครงการลดปริมาณขยะอาหารอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 โดยบริจาคอาหารที่จำหน่ายไม่หมดแต่ยังคงรับประทานได้ให้ผู้ยากไร้ภายใต้โครงการ กินได้ไม่ทิ้งกัน ซึ่งจนถึงปัจจุบันได้บริจาคอาหารไปแล้วกว่า 2,580,000 มื้อ

แทนการทิ้งให้เปล่าประโยชน์และสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเมื่อเร็วๆ นี้ เราได้ขยายโครงการไปยังจังหวัดภูเก็ต โดยร่วมมือกับมูลนิธิ SOS ซึ่งเป็นตัวกลางในการนำอาหารที่จำหน่ายไม่หมดแต่ยังรับประทานได้จากเทสโก้ โลตัส สาขาใหญ่ทั้ง 7 สาขาบนเกาะภูเก็ต บริจาคให้กับมูลนิธิเด็กฮอลแลนด์ บ้านพักเด็กและครอบครัว และชุมชนที่ยากไร้ต่างๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยลดขยะอาหารแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากในจังหวัดภูเก็ตตกงานหรือมีรายได้ลดลง”

 

“นอกเหนือจากการลดขยะอาหารภายในธุรกิจของเราเองแล้ว ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ ที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ได้ร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาขยะอาหาร พร้อมทั้งแบ่งปันประสบการณ์ทั้งในด้านการบริจาคอาหารและการวัดข้อมูลปริมาณขยะอาหาร หนึ่งในพันธมิตรที่สำคัญของเราในการขับเคลื่อนวาระการลดขยะอาหารในประเทศไทย คือหอการค้าไทยที่มีสมาชิกเป็นผู้ประกอบการธุรกิจทั่วประเทศ

 

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ เทสโก้ โลตัส ได้ร่วมมือกับหอการค้าแห่งประเทศไทยจัดกิจกรรม Circular Economy Social Lab: Food Waste เพื่อแบ่งปันความรู้และระดมสมองร่วมกับผู้ประกอบการทั่วประเทศจากหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหาร ซึ่งมักจะมีอาหารที่เหลือทิ้งในปริมาณมาก เพื่อที่ร่วมกันเดินหน้าสู่เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป”




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น