วันที่ 22 ตุลาคม 2563 ที่ห้องพุ่มพันธุ์ม่วง กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 อ.ถลาง
จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ประชุมมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติเพื่อขับเคลื่อนงานจเรตำรวจ
และติดตามกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจร้องเรียนเกี่ยวกับเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 โดยมี พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในพื้นที่ภาค
8 เข้าร่วม
พล.ต.อ.วิสนุ
ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ได้รับมอบหมายจาก
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
ให้มาติดตามการบริหารจัดการค่าตอบแทนหรือเบี้ยเลี้ยงของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งได้รับการจัดสรรมาจากรัฐบาลเป็นวงเงิน
1,500 ล้านบาททั่วประเทศ ของตำรวจภูธรภาค 8 ว่ามีการดำเนินการอย่างไร หลังจากได้มีการร้องเรียนว่า
เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้รับเบี้ยเลี้ยงไม่เป็นไปตามที่กำหนด
“จากการรายงานของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค
8 ระบุว่า ในพื้นที่ภาค 8 มีการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้กับผู้ที่มีสิทธิไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 พื้นที่ ได้แก่ สภ.ทุ่งสง
จ.นครศรีธรรมราช และ สภ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต ว่า
ได้รับเบี้ยเลี้ยงไม่ครบตามสิทธิที่ควรจะได้ ทราบว่า
เบื้องต้นได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนของ
สภ.ทุ่งสงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีคำสั่งให้ ผกก.สภ.ทุ่งสง
มาช่วยราชการที่ตำรวจภูธรภาค 8 ส่วนของ สภ.ป่าตอง
ได้ทำภาคทัณฑ์ผู้เกี่ยวข้องแล้ว และต้องขอชมเชยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ว่า ได้มีการสนองนโยบาย ผบ.ตร. และทางนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงเรื่องนี้
และได้เน้นย้ำว่า เบี้ยเลี้ยงงบประมาณโควิด-19 ที่รัฐบาลจัดสรรให้นั้น
จะต้องถึงมือผู้มีสิทธิและทำงานจริงๆ อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย”
พล.ต.อ.วิสนุ
กล่าวด้วยว่า จากรกรณีที่มีการร้องเรียนนั้น
จะได้มีการตรวจสอบปัญหาในภาพรวมทั้งประเทศ โดยทาง ผบ.ตร.ได้กำชับให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรทุกภาคและหน่วยที่เบิกงบประมาณทั้งหมดสำรวจข้อมูลในพื้นที่รับผิดชอบว่า
เจ้าหน้าที่การเงินได้ทำตามระเบียบราชการหรือไม่
หากพบว่าไม่ถูกต้องให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
และสำนักงานจเรตำรวจก็จะลงตรวจสอบคู่ขนานไปด้วย เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผน
และโปร่งใส ยืนยันว่า เบี้ยเลี้ยงของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานต้องถึงมือคนทำงานจริงทุกบาททุกสตางค์
เบื้องต้นตามระบบราชการก็ต้องตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา
หากพบมีมูลก็จะต้องตั้งคณะกรรมการพิจารณาด้านวินัยตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนประเด็นเรื่องเงินทอนนั้นไม่เป็นความจริง หากตรวจสอบพบว่า มีมูลจะถูกลงโทษทั้งหมด
ส่วนเงินเบี้ยเลี้ยงของแต่ละคนจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการปฏิบัติงาน
โดยใช้ชั่วโมงละ 60 บาทแต่ไม่เกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน
ซึ่งมีบัญชีรายชื่อการปฏิบัติอยู่แล้ว
ทั้งนี้เชื่อว่าส่วนใหญ่มีการดำเนินการอย่างถูกต้องเรียบร้อยดี
แต่ที่มีปัญหาเป็นเพียงส่วนน้อย ซึ่งจะเร่งแก้ไขและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะที่
พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของ
สภ.ป่าตองนั้นได้มีการภาคทัณฑ์สารวัตรการเงินกับเจ้าหน้าที่ธุรการการเงิน
มีความผิดในลักษณะการโอนเงินเข้าบัญชีคนอื่นซึ่งเป็นของตำรวจด้วยกันเอง
จึงเป็นเพียงการทำผิดระเบียบ ส่วนของ สภ.ทุ่งสง
ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและได้เรียกตัว ผกก. มาช่วยราชการ
โดยขณะนี้ได้สอบปากคำไปแล้วประมาณ 200 ปาก
และจะเร่งรัดการรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมทั้งได้มอบหมายให้รองผู้บัญชาการฯ
ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ลงไปเร่งรัดกำกับให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น