เมื่อเวลา 09.30 น. ของวันที่ 10 มีนาคม 53 ที่ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ “ASTV ผู้จัดการรายวัน” จังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่เลขที่ 28 หมู่บ้านนิมิตซอย 1 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 16 จังหวัดภาคใต้ประมาณ 30 คน นำโดยนายสุนทร รักรงค์ ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 16 จังหวัดภาคใต้ ได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย 16 จังหวัดภาคใต้ ฉบับที่ 2/2553 เพื่อเรียกร้องให้กลุ่มที่จะมีการชุมนุม ชุมนุมด้วยความสงบ ปราศจากอาวุธ ภายใต้กรอบแห่งรัฐธรรมนูญไทย โดยแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวระบุว่า
หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 46,373 ล้านบาท ข้อหาร่ำรวยผิดปกติ อีกทั้งยังมีคำวินิจฉัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ อันนำมาซึ่งการถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และอาญาอีกหลายคดี แต่ดูเหมือนว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ยอมรับคำพิพากษาและยังคงปลุกระดมมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดง หรือกลุ่มแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นปช.ออกมาต่อสู้ เพื่อผลประโยชน์ของตน โดยนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 14 มีนาคม 2553 ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร อีกทั้งช่วงคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553 ได้มีการลอบวางระเบิดธนาคารกรุงเทพ 4 จุด และล่าสุดมีอาวุธสงครามจำนวนหนึ่งถูกขโมยออกจากค่ายอภัยบริรักษ์ จ.พัทลุง รวมทั้งการวิเคราะห์การข่าว และฝ่ายความมั่นคงระบุ จะมีการใช้ความรุนแรง เพื่อนำไปสู่การยึดอำนาจรัฐ จนกระทั่งคณะรัฐมนตรี มีมติให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในเขตกรุงเทพมหานคร และบางพื้นที่เขตปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 11 – 23 มีนาคม 53 และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศงดการเดินทางไปเยือนประเทศออสเตรเลียในช่วงดังกล่าว
จากสถานการณ์ข้างต้นพอวิเคราะห์ได้ว่า จะมีการใช้ความรุนแรงจากการชุมนุมครั้งนี้ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ท่ามกลางความหายนะของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในภาวะกำลังฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อีกทั้งศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงพระประชวร หากเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองอันเนื่องมาจากการใช้ความรุนแรงอีกครั้ง เป็นการซ้ำเติมให้ประเทศไทยเสียหายมากยิ่งขึ้น จะมีผลต่อภาพลักษณ์ และชื่อเสียงของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และฉุดให้ประเทศไทยเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจอีกรอบ ดังนั้น พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย 16 จังหวัดภาคใต้ จึงมีมติดังต่อไปนี้
1. เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยเฉพาะกลุ่ม นปช.ต้องชุมนุมด้วยความสงบ ปราศจากอาวุธ ภายใต้กรอบแห่งรัฐธรรมนูญไทย พ.ศ.2550 ฝ่ายรัฐบาลต้องควบคุม ดูแลการชุมนุมให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ภายใต้กรอบของกฎหมาย
2. เรียกร้องให้พลังเงียบที่ต้องการเห็นความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แสดงออกโดยสันติว่า ไม่เห็นด้วย และคัดค้านการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยเฉพาะประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลให้แสดงออกด้วยวิธีการสันติวิธี ส่วนประชาชนจังหวัดอื่นๆ อาจทำสัญลักษณ์อื่นใด ที่แสดงออกว่า ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง
3. เรียกร้องให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง โดยให้ทุกคนเคารพหลักนิติรัฐ ทั้งนี้เพื่อร่วมกันนำประเทศไทยไปสู่ความสงบสุขเรียบร้อย และความเจริญ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว
อนึ่งช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ขอให้พี่น้องพันธมิตรฯ เตรียมความพร้อมในที่มั่น หากเกิดสถานการณ์ถูกยั่วยุให้ใช้ความอดทน และไม่ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ หากจะมีการเคลื่อนไหวใดๆ ให้ฟังคำประกาศของมติ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น
นอกจากนี้นายสุนทร รักรงค์ ยังกล่าวว่า หากกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่ภาคใต้มีการเคลื่อนไหวในระหว่างวันที่ 12 – 14 มีนาคม 53 ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะดำเนินการตามมติของ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ที่เคารพหลักการชุมนุมที่สงบและสันติไม่กระทบถึงสิทธิของประชาชน แต่หากเสื้อแดงในพื้นที่ภาคใต้มีการเคลื่อนไหว ก็จะไม่มีการสกัดกั้น แต่อยากจะฝากถึงกลุ่มเสื้อแดงในภาคใต้ ให้ระมัดระวังให้การเคลื่อนไหวด้วย เพราะพลังมวลชนพันธมิตรในภาคใต้มีเป็นจำนวนมาก ทางแกนนำเองไม่สามารถที่จะควบคุมได้ทั้งหมด ส่วนการรณรงค์เรียกร้องให้แสดงออกถึงการยุติความรุนแรงนั้น ให้เป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละจังหวัดว่าจะดำเนินการรณรงค์ไม่ให้เกิดความรุนแรงอย่างไรบ้างในแต่ละพื้นที่ ซึ่งคิดว่าในส่วนนี้จะดำเนินการในการทำสติกเกอร์และธงรณรงค์ยุติการชุมนุมที่รุนแรง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น