เมื่อเวลา 09.30 น.ของวันที่ 23 เมษายน 53 ที่ห้องออร์คิดคอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมภูเก็ตออร์คิดรีสอร์ท แอนด์สปา ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต สำนักงานเลขาธิการ วุฒิสภาจัดโครงการเสริมสร้างความพร้อมแก่ท้องถิ่นหลักสูตร “กระบวนการเสริม สร้างผู้นำนักประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม” ครั้งที่ 8 ประจำปี 2553 โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นประธานเปิดการอบรม นอกจากนี้ยังมีนางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดภูเก็ต นายมานพน้อย วานิช สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดพังงาและ ร้อยโทภูมิศักดิ์ หงส์หยก สมาชิกวุฒิสภาสรรหา นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองคืการบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ภาคเอกชน เข้าร่วม
สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการเป็นผู้นำสตรีหรือผู้แทนสตรีในหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชน ตลอดจน แกนนำ ชมรม กลุ่มแม่บ้านและกลุ่มสตรีต่างๆ ในนามภาคประชาชน ในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดพังงา จำนวน 120 คน หลังจากที่สำนักงานเลขาธิการ วุฒิสภาริเริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2546 ปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมไปแล้ว รวม 5,131 คน โดยในปี 2553 กำหนดจัดการอบรมจำนวน 13 รุ่น
นางสาวอุตรา อมรฉัตร รองเลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า โครงการเสริมสร้างความพร้อมแก่ท้องถิ่นหลักสูตร กระบวนการเสริม สร้างผู้นำนักประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ที่จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้าง ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย รวมถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อสังคมไทย ทั้งทางด้าน การเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม วัฒนธรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้ผู้เข้ารับการอบรม รับรู้และเข้าใจในบทบาท อำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนและมาจากการสรรหา จากคณะบุคคล ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
นอกจากนี้เพื่อสร้าง เจตคติ ค่านิยม ความคิดและวิถีชีวิตในครรลองของประชาธิปไตย ร่วมระดมความคิดเพื่อความแตกฉาน ในแนวทางการเสริมสร้างความมั่นคงต่อระบบการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในขณะเดียวกันเสริมสร้างบทบาทและเครือข่ายแห่งการสร้างสรรค์และเผยแพร่ประชาธิปไตย ให้บังเกิดพัฒนาการและสมานฉันท์ของสังคมไทย อันจะยังผลต่อประเทศชาติในภาพรวม และสร้างทัศนคติเกี่ยวกับวุฒิสภาอย่างถูกต้อง พร้อมกันนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภาได้พบปะกับประชาชนอย่างใกล้ชิดซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกันและนำไปสู่การร่วมกิจกรรมทางการเมืองอย่างมีคุณภาพ ตลอดจนสามารถสร้างเครือข่ายและนำองค์ความรู้ไปเผยแพร่ได้อย่างเหมาะสมอีกส่วนหนึ่งด้วย นางสาวอุตรากล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น