เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 ที่ห้องจามจุรี โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการประชุมชี้แจงการต่ออายุใบอนุญาตทำงานแรงงานต่างด้าวประจำปี 2554 ให้แก่นายจ้าง/สถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาวและกัมพูชา ซึ่งทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้นโดยมีนายจ้าง/สถานประกอบการในจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมประมาณ 200 คน เพื่อจะได้รับฟังคำชี้แจงและซักถามข้อปัญหาต่างๆ แนวทางขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพื่อจะได้ทราบข้อมูลที่ถูกต้องในการติดต่อกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งเรื่องการพิสูจน์สัญชาติ การตรวจสุขภาพ การทำบัตรประกันสุขภาพ การขออกวีซ่า และการเก็บเงินแรงงานต่างด้าวเพื่อนำเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
นายนพดล พลอยอยู่ดี จัดหางานจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2553 เห็นชอบการขยายระยะเวลาการพิสูจน์สัญชาติ และผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรแก่แรงงานต่างด้าวไปอีก 2 ปี สิ้นสุดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 โดยในส่วนของจังหวัดภูเก็ตซึ่งมีปัญหาการขาดแคลนแรงงานระดับล่างจำนวนมาก และแรงงานต่างด้าวก็ยังเป็นที่ต้องการสำหรับนายจ้าง/เจ้าของสถานประกอบการ ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาวและกัมพูชา ที่ได้รับอนุญาตทำงานถูกต้องตามกฎหมาย ตามมติคณะรัฐมนตรีในจังหวัดภูเก็ต จำนวนทั้งสิ้น 50,332 คน สัญชาติพม่า 49,974 คน สัญชาติลาว 328 คน และสัญชาติกัมพูชา 30 คน โดยแรงงานต่างด้าวเหล่านี้จะต้องขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้แล้วเสร็จก่อนใบอนุญาตทำงานหมดอายุของแต่ละกลุ่ม
โดยแรงงานต่างด้าวกลุ่มหมดอายุวันที่ 20 มกราคม 2554 จะต้องดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตทำงานตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 20 มกราคม 2554 และแรงงานต่างด้าวกลุ่มหมดอายุวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 จะต้องดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 โดยแรงงานต่างด้าวทั้งหมดจะต้องเข้ารับการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2553 ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตได้มีการพิสูจน์สัญชาติแล้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 12,631 คน เป็นสัญชาติพม่า 12,373 คน สัญชาติลาว 238 คน สัญชาติกัมพูชา 20 คน และยื่นขอใบอนุญาตทำงานแล้ว 12,412 คน นายนพดลกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น