นางอัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็งระยะที่ 2 จำนวน 2,600 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต มีความจุผู้เข้าร่วมประมาณ 6,000 ที่นั่ง บริเวณที่ราชพัสดุแปลง ภก.153 บริเวณหาดไม้ขาว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับจังหวัดภูเก็ต รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง ได้เป็นแหล่งงานและกระจายรายได้ให้กับท้องถิ่นจากการดำเนินโครงการรวมทั้งพัฒนาที่ราชพัสดุ เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินให้แก่ภาครัฐ ให้เกิดประโยชน์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในขณะเดียวกันช่วยส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจการจัดประชุมการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติ (MICE) รวมถึงเป็นศูนย์กลางประชุมและนิทรรศการนานาชาติที่มีความพร้อมสูงสุด และเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและแสดงสินค้าในภูมิภาคด้วย
“ขอยืนยันว่าขณะนี้การดำเนินโครงการมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก หลังจากที่ทางกรมธนารักษ์ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาและวิเคราะห์โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ไปแล้ว และจากการสอบถามไปยังกรมธนารักษ์ อยู่ในขั้นตอนในการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อหาผู้ศึกษาออกแบบรายละเอียดเพื่อดำเนินการก่อสร้างให้เป็นรูปแบบเวิลด์คลาสเดสซิเนชั่น ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 2-3 เดือน หากแล้วเสร็จตามกำหนดและสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปีนี้ ก็จะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี”
นางอัญชลี กล่าวว่า เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างศักยภาพการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดอันดามัน ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนการขยายท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตจากปัจจุบันที่รองรับผู้โดยสารได้ปีละ 6 ล้านคน ขยายเพิ่มเป็น 12.5 ล้านคน โดยรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณในการดำเนินการไปแล้วจำนวน 5,700 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการอนุมัติงบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวทั้งในส่วนของจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน
อย่างไรก็ตามเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ได้ประกาศตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยปี 2553 มีจำนวน 15.5 ล้านคน และ 1 ใน 3 ของจำนวนดังกล่าวเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นพื้นที่และหัวใจหลักหลักที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญดังกล่าวจึงได้มีการจัดสรรงบประมาณลงมาเพื่อรองรับการขยายและการเติบโตของการท่องเที่ยว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น