พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวถึงการปราบปรามยาเสพติกให้โทษในพื้นที่รับผิดชอบว่า จากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งผลการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติดในพื้นที่ความรับผิดชอบตำรวจภูธรภาค 8 ประกอบด้วย จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนองและชุมพร ในห้วงระหว่างวันที่ 21 ธันวาคม 2553 – วันที่ 15 มีนาคม 2554 ปรากฏว่าสามารถจับผู้ต้องหาเกี่ยวกับคดียาเสพติดได้เกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งผู้ค้ารายสำคัญ ผู้ค้ารายย่อยและผู้เสพได้แล้วประมาณ 4,900 คน ยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสำคัญและรายย่อยกว่า 18 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมียอดการจับกุมเพิ่มขึ้นเกือบ100% นอกจากนี้ยังสามารถนำผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่ระบบบำบัดแล้วกว่า 2,000 คน
“แม้ว่าจะมีการระดมกำลังกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ความรับผิดชอบได้เกินเป้าหมายที่ได้รับมอบแล้ว เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างยั่งยืน ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกจังหวัดในความรับผิดชอบดำเนินการกวาดล้างยาเสพติดอย่างเข้มงวดอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการสืบค้นเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีโดยอาศัยฐานข้อมูลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากศูนย์ต่อสู้เอาชนะยาเสพติดในทุกระดับ รวมถึงการรับแจ้งข้อมูลเบาะแสจากประชาชน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีและมีการแจ้งข้อมูลต่างๆ เข้ามาเป็นจำนวนมาก จนนำไปสู่การสืบสวนและขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้อย่างต่อเนื่อง”
พล.ต.ท.ก่อเกียรติ ยังกล่าวด้วยว่า ความคืบหน้าในการจัดหารถเอ็กซเร่ย์ยาเสพติดมาประจำที่ด่านตรวจจังหวัดภูเก็ตนั้น ขณะนี้ได้จัดทำโครงการเสนอของบประมาณไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เนื่องจากอุปกรณ์ดังกล่าวมีราคาแพงและจะต้องมีค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสูง จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ขณะเดียวกันก็จะมีการเสนอเรื่องเพื่อขอเปิดด่านบริเวณ จงชุมพร เป็นด่านตรวจถาวร สามารถตรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของด่านตรวจดังกล่าวได้มีศักยภาพมากขึ้น รวมทั้งการเสนอขอกล้องซีซีทีวีแบบอ่านป้ายทะเบียนรถมาประจำด่านตรวจต่างๆ ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานเช่นเดียวกัน หากสามารถนำมาใช้ได้สำเร็จก็จะช่วยตรวจสอบการลักลอบขนยาเสพติดได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น