จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

รมว.คลังยืนยันศูนย์ประชุมฯ ภูเก็ตเกิดแน่ แม้เปลี่ยนรัฐบาล


เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2554 ที่ห้องพระพิทักษ์แกรนด์บอลรูม โรงแรมเมโทรโพลภูเก็ต นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในการประชุมชี้แจงความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติ ซึ่งทางกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังมอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการ ประกอบด้วย บริษัททีม คอน ซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แมเนจเมนท์ จำกัด บริษัท เอส คิว อาร์คีเต็ค แอนด์ แลนเนอร์ จำกัด และบริษัท ทีมเอ็นเนอร์ยี่ แมเนจเมนท์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ โดยมีนางอัญชลี วานิชเทพบุตร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมธนารักษ์ นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้บริหารจากหน่วยงานราชการต่างๆ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนจากสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สภาอุตสาหกรรม หอการค้าจังหวัด สมาคมโรงแรม และประชาชนจากพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต จำนวนประมาณ 500 คน

โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ตั้งอยู่บนที่ดินราชพัสดุ แปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภก.153 บริเวณหาดไม้ขาว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ ดำเนินการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในวงเงิน 2,600 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับจังหวัดภูเก็ต รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง พัฒนาที่ราชพัสดุ เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินให้กับภาครัฐให้เกิดประโยชน์ทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจการจัดประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติ เป็นศูนย์กลางการประชุมและนิทรรศการนานาชาติที่มีความพร้อมสูงสุด และเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและแสดงสินค้าในภูมิภาค รวมทั้งเพื่อเป็นแหล่งงานและกระจายรายได้ให้กับท้องถิ่นจากการดำเนินโครงการ

สำหรับการประชุมครั้งนี้ เพื่อให้บริษัทที่ผ่านการพิจารณาได้นำเสนอแนวคิดในการออกแบบรายละเอียดโครงการ จำนวน 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มที่ 1 KAED103 นำเสนออาคารเป็นรูปกระดองเต่า
กลุ่มที่ 2 SPAN&FED จุดนำเสนออาคารเป็นรูปหอยสังข์

และกลุ่มที่ 3 ASD นำเสนออาคารเป็นรูปหอยมุก

ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เป็นไปตามที่ทางกรมธนารักษ์กำหนดไว้ เช่น สถาปัตยกรรมที่บ่งบอกถึงความเป็นภูเก็ต การจัดพื้นที่ประชุมและแสดงนิทรรศการ การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ระบบความปลอดภัย ระบบอพยพหนีภัย การอนุรักษ์พลังงาน ความเป็นสากล สิ่งอำนวยความสะดวก เป็นต้น เพื่อจะได้นำข้อมูลที่ได้รับไปพิจารณาคัดเลือกบริษัทที่จะทำการศึกษาออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างโครงการต่อไป

หลังจากการนำเสนอของบริษัทฯ ต่างๆ แล้ว นายวัชรินทร์ ดุมลักษณ์ หนึ่งในประชาชนที่รับฟังการนำเสนข้อมูล กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เข้าร่วมรับฟังการนำเสนอข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ มาโดยตลอด และได้ฝากเรื่องของสถาปัตยกรรมที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยภาคใต้ ไม่ใช่เน้นแต่ความเป็นต่างชาติ รวมถึงเรื่องระบบความปลอดภัยซึ่งเกิดจากธรรมชาติ

ขณะที่นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การจัดทำโครงการศูนย์ประชุมฯ จะเกิดประโยชน์กับภูเก็ตและฝั่งอันดามันเป็นอย่างมา เพราะจะทำให้ขยายกลุ่มนักท่องเที่ยวให้ได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น และมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้ตลอดทั้งปี แต่อยากฝากในเรื่องของในส่วนของการจัดพื้นที่สำหรับจอดรถบัส เนื่องจากการเข้าถึงพื้นที่มีเพียงการใช้รถยนต์เท่านั้น และไม่ควรที่จะมีการสร้างโรงแรมที่พักมาแข่งขันกับทางภาคเอกชน เนื่องจากปัจจุบันห้องพักทุกประเภทในจังหวัดภูเก็ตมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 60,000 ห้อง ในขณะที่เขาหลัก จ.พังงา ซึ่งสามารถใช้เวลาในการเดินทางมายังศูนย์ประชุมฯ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็มีจำนวนห้องพักที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 6,000-7,000 ห้อง ซึ่งเพียงพอในการรองรับผู้ที่จะเดินทางเข้ามา ส่วนความกังวลว่าเมื่อถึงฤดูกาลท่องเที่ยวแล้วจะมีห้องพักไม่เพียงพอนั้น คิดว่าหากมีการบริหารจัดการที่ดีก็ไม่น่าจะมีปัญหา

นอกจากนี้ยังมีผู้ที่กังวลเรื่องของการคมนาคมขนส่งจากตัวเมืองไปยังสถานที่ตั้งศูนย์ประชุมฯ ด้วยเกรงว่าจะไม่มีความคล่องตัว และจะเกิดความแออัด การวางระบบเส้นทางหนีภัย รวมถึงการตัดสินใจเลือกรูปแบบของศูนย์ประชุมฯ โดยอยากให้คนภูเก็ตได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกด้วย

ทางด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากรับฟังความเห็นในครั้งนี้แล้วก้จะได้นำข้อมูลไปพิจารณาเพื่อคัดเลือกหากบริษัทที่จะมาทำการออกแบบก่อสร้างต่อไป ซึ่งจะทราบผลภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ หลังจากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนของการออกแบบรายละเอียดโครงการซึ่งจะต้องจัดให้มีการรับฟังความเห็นจากคนในพื้นที่อีกครั้งในช่วงประมาณเดือนเมษายนนี้ โดยคาดว่าจะสามารถสรรหาผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารฯ ได้ประมาณเดือนกรกฎาคม 2554 และลงนามในสัญญาก่อสร้างได้ประมาณเดือนกันยายน 2554 ทั้งนี้คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2557

ต่อคำถามที่ว่า หากมีการเปลี่ยนรัฐบาลแล้วโครงการนี้จะเดินหน้าต่อไปได้อีกหรือไม่ ซึ่ง นายกรณ์ กล่าวว่า คงไม่สามารถที่จะไปยืนยันนโยบายของรัฐบาลอื่นๆ ได้ แต่หากมีการเลือกตั้งแล้วนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และเป็นรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์ร่วมอยู่ด้วย ยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป ซึ่งส่วนตัวมีความมั่นใจว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคอื่นก็น่าจะดำเนินการโครงการนี้ต่อไป เพราะคงไม่มีรัฐบาลใดจะปฏิเสธถึงความสำคัญของภูเก็ต ในฐานะเป็นเมืองอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอันดามัน และพื้นที่แถบนี้ก็ควรมีศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติ ที่สำคัญคือรัฐบาลนี้ก็ได้จัดสรรงบประมาณไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีเหตุผลที่รัฐบาลใหม่จะมายกเลิกโครงการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น