เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2554 ที่ห้องประชุมคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต เครือข่ายชุมชนชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต – พังงา ได้จัดเวทีสาธารณะเพื่อทวงคืนแผ่นดินมาเป็นสมบัติชาติ นำเสนอสภาพพื้นที่ ปัญหาและการแก้ไขการบุกรุกป่าไม้ ที่ดิน และที่สาธารณะจังหวัดภูเก็ต พังงา และสุราษฎร์ธานี โดยมีนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุกจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร, พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 9 ผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ ที่ดิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายไชยผดุง พรหมสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายธนู แนบเนียร ตัวแทนชุมชนชายฝั่งจังหวัดภูเก็ตและพังงา ร่วมเสวนา โดยมีตัวแทนจากชุมชนบ้านกู้กู ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ชุมชนบ้านย่าหมี ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา ตัวแทนบ้านทับยาง ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา และ ตัวแทนชุมชนสันติพัฒนา ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมนำเสนอปัญหาของแต่ละพื้นที่
สรุปสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่ ประกอบด้วย การบุกรุก ทำลาย ถางไถและออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนคลองบางชีเหล้า-ท่าจีน จำนวน 50 ไร่ ชุมชนบ้านกู้กู หมู่ 3 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต, การบุกรุก ถางไถ และออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาด ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำของชุมชน บ้านย่าหมี หมู่ 3 ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา, บริษัทเอกชนถือครองโดยมีเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก จำนวน 11 แปลง รวมพื้นที่จำนวน 1,284 ไร่ ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับชาวบ้าน ทั้งทางแพ่งและคดีอาญารวม 3 คดี จำนวน 21 คน ชุมชนสันติพัฒนาอาศัยอยู่ ณ ปัจจุบันตั้งอยู่ ม.6 ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี, การบุกรุกทำลายและออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบในพื้นที่ป่าชายเลน จำนวน 59.2 ไร่ ในเขตชุมชนบ้านในไร่ หมู่ 7 ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา และกรณีการออกเอกสารสิทธิ์โฉนดเลขที่ 972 และ 973 รวมเนื้อที่ 170 ไร่ โดยอ้างจาก สค.1 เลขที่ 124 ครอบครองโดยการผ่อนผัน โดยครอบครองจากการซื้อสิทธิ์จากนายอุทัย ณ ระนอง ผู้ได้รับประทานบัตรเหมืองแร่แล้วนำมาออกโฉนดโดยมิชอบในพื้นที่บ้านทับยาง หมู่ 9 ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
ทั้งนี้นายพร้อมพงศ์ กล่าวภายหลังการร่วมเวทีเสวนา ว่า ภาพรวมของปัญหาแต่ละพื้นที่จะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกัน โดยจะเป็นการบุกรุกแผ้วถางพื้นที่สาธารณะและมีการนำไปออกเอกสารสิทธิ เช่น กรณีชุมชนบ้านกู้กู ซึ่งได้นำเสนอปัญหานายทุนบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนประมาณ 50 ไร่ และมีการนำไปขอออกเอสารสิทธิ และจากการตรวจสอบตามขั้นตอนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่าเป็นการออกไม่ถูกต้อง และมีการเสนอให้กรมที่ดินทำการเพิกถอน เช่นเดียวกับชุมชนย่าหมี ซึ่งมีการออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อน และมีการตรวจสอบพบความผิดแล้วของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ปรากฏเมื่อเสนอไปยังกรมที่ดินก็ยังคงเพิกเฉย ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทางชาวบ้านจึงได้มีการร้องเรียนและขอให้ไปเร่งรัดในเรื่องดังกล่าวให้มีความชัดเจน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น