เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมืองภูเก็ต นายอัษฎากร สีดอกบวบ อายุ 48 ปี เจ้าของเคเบิ้ลท้องถิ่นแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ตและรองประธานหอการค้า จ.ภูเก็ต ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 32/2555 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คดีคนร้ายใช้อาวุธปืน 9 มม.สังหารนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยากรณ์ หรือ เอ๋อินไซด์ อายุ 44 ปี เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ต และแกนนำ นปช.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา เหตุเกิดที่บริเวณถนนทุ่งคา - ควนดินแดง ปากทางแยก ถ.เทพกระษัตรี ตรงข้ามศูนย์รถยนต์สยามนิสสันภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ได้เดินทางมาพร้อมกับทนายความ และได้เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต โดยมี พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และ พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปิ่นแก้ว พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีร่วมสอบปากคำด้วย
ทั้งนี้หลังจากการสอบปากคำและพิมพ์ลายนิ้วมือแล้ว นายอัษฎากร ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนแขนงต่างๆ ซึ่งมารอทำข่าวอยู่เป็นจำนวนมากได้สัมภาษณ์ โดยกล่าวว่า ตนไม่ส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ทราบด้วยว่าเข้าไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร เพราะตนกับผู้ตายนั้นมีความสนิทสนมกันมาก และไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน และยังมีอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน โดยในช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่กรุงเทพมหานคร ก็มีการติดต่อประสานงานและตนก็ได้สนับสนุนในเรื่องค่าใช้จ่ายการเดินทางมาโดยตลอด จึงอยากขอความเป็นธรรมกับสังคมด้วย
“การตัดสินใจข้ามอบตัวนั้น เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นก็ค่อนข้างตกใจมาก เพราะในระหว่างนั้นตนได้รับเชิญให้ไปพูดคุยเรื่องการทำธุรกิจที่ประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อกลับมาและพักอยู่ที่กรุงเทพมหานคร จึงทราบว่ามีหมายจับออกมาก็ค่อนข้างตกใจ ตั้งตัวอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและมาเข้ามอบตัว ซึ่งในการมอบตัวนั้นก็ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรแต่อย่างใด เพราะตนก็ไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการนักว่าเป้นอย่างไร แต่ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
นายอัษฎากร ยังกล่าวด้วยว่า ตนต้องขอความเป็นธรรมจากสังคม เพราะขณะนี้ถูกมองว่าเป็นคนใจร้าย เนื่องจากที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้ออกมาพูดหรืออธิบาย จึงมีการนำเสนอข้อมูลไปต่างๆ นานา ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง ส่วนที่บอกว่าสาเหตุมาจากผู้ตายเขียนบทความพาดพิงถึงตนและสร้างความไม่พอใจให้นั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะอย่างที่กล่าวแล้วว่าตนมีความสนิทสนมกับผู้ตายค่อนข้างมาก เพราะนอกจากการทำสื่อแล้วยังมี อุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน สามารถที่จะพูดคุยกันได้ และข้อความที่ว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงอะไร ซึ่งการจากไปของเขานั้นตนก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน และสำหรับครอบครัวหากสามารถช่วยเหลืออะไรได้ก็ยินดีแต่ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับคดี เพราะตนยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ต่อข้อถามที่ว่ารู้จักกับนายนายนพดล พรายศรี หรือนายแพะ คนขับรถให้มือปืนหรือไม่ ซึ่งนายอัษฎากร ตอบว่าไม่รู้จัก แต่จะรู้กับนายบอย เนื่องจากได้ว่าจ้างให้ถมที่ดินในโครงการจัดสรร และที่ผ่านมามีคนเข้าออกบริษัทฯ จำนวนมาก และตนก็ไม่รู้ใครเป็นใคร มาจับโยงกันอย่างนี้ก็ไม่เป็นธรรม และเช่นเดียวกับเรื่องของการออกเอกสารสิทธิหาฟรีด้อมตนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย ขณะนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตนนั้นเป็นเรื่องขอสังคม ส่วนของธุรกิจไม่มีผลกระทบยังคงดำเนินการตามปกติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น