เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 ร.ต.อ.นิติกรณ์ ระวัง ร้อยเวร สภ.ฉลอง อ.เมือง อ.ภูเก็ต รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักพุ่งชนกำแพงบ้านเลขที่ 83/18 ม.2 ถนนแหลมพรหมเทพ-ในหาน ซอยโคกสั้น ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต มีผู้เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 ราย หลังรับแจ้งก็ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ
จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ วาสะศิริ ผกก. สภ.ฉลอง พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ป.พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ สวป.เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย
บริเวณที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งหักศอก พบนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศมุงดูเหตุการณ์อยู่จำนวน ข้างถนนพบ ด.ช.อัฐพงศ์ น้อยคำสิน อายุ 13 ปี ทราบว่าเป็นนักกีฬาเรือพายของทีมกรุงเทพมหานคร อยู่ในอาการบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จึงรีบนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลอบจ.ภูเก็ต จากการตรวจสอบพบว่าไหปลาร้าด้านซ้ายหัก อาคารทั่วไปปลอดภัย สามารถพูดคุยได้ และรอการผ่าตัดในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน
นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิ๊ก สีเหลือง-ขาว หมายเลขทะเบียน ขตร-603 ภูเก็ต ล้มอยู่ สภาพบังโคนด้านหน้าหัก กระจกไฟหน้าแตก กระจกมองข้างด้านขวาหัก ห่างกันเล็กน้อยบริเวณใกล้กับกำแพงบ้านที่เกิดเหตุพบศพนายสุทธิพงศ์ ลาภูตะมะ อายุ 18 ปี นักกีฬาเรือพายของทีมกรุงเทพมหานครเช่นกัน สภาพนอนคว่ำหน้าสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า-ขาว สวมกางเกงขาสั้น สภาพศพใบหน้าด้านขวาถูกอัดด้วยของแข็งจนสมองกระจายทั่วบริเวณ เสียชีวิตคาที่ เจ้าหน้าที่จึงรับนำศพส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเพื่อทำการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
จากการสอบสวนทราบว่านายสุทธิพงศ์ (ผู้ตาย) และ ด.ช.อัฐพงศ์ (ผู้ได้รับบาดเจ็บ) เป็นนักกีฬาแข่งเรือพายของทีมกรุงเทพมหานคร ซึ่งมาทำการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 28 “ภูเก็ตเกมส์” พร้อมด้วยคณะผู้จัดการทีมและนักกีฬาเรือพายของกรุงเทพมหานครคนอื่นๆ รวมประมาณ 51 คน ได้เข้าพักที่โรงแรมในหาน บีช รีสอร์ท ม.1 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งอยู่ห่างจากสนามแข่งขันหนองน้ำหาดในหานเพียงเล็กน้อย
โดยในเช้าวันนี้ (31 พ.ค.55 ) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการแข่งขันเรือพาย และมีกำหนดที่จะเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในเวลาประมาณ 14.00 น. ในระหว่างที่ผู้จัดการทีมได้นำนักกีฬาทั้งหมดเดินทางไปยังสนามแข่งขัน แต่ปรากฏว่าทั้งสองคนได้ขอยืมรถจักรยานยนต์ที่ผู้ปกครองของนักกีฬาร่วมทีมเช่าไว้ขับออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งห่างจากที่พักประมาณ 2 กิโลเมตร โดยมีนายสุทธิพงศ์ (ผู้ตาย) เป็นผู้ขับ และ ด.ช.อัฐพงศ์ (ผู้ได้รับบาดเจ็บ) นั่งซ้อนท้าย ซึ่งทั้งสองไม่ได้สวมหมวกนิรภัย หลังซื้ออาหารเสร็จก็ได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเพื่อกลับที่พัก แต่ด้วยเส้นทางดังกล่าวเป็นโค้งหักศอกและเป็นย่านชุมชนที่มีรถสัญจรไปมาพลุกพล่าน และมักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งโดยเฉพาะบุคคลที่ไม่ชำนาญเส้นทาง รถเกิดเสียหลักพุ่งชนกำแพงบ้านหลังดังกล่าว ทำให้ร่างของผู้ตายกระเด็นไปชนกับกำแพงบ้านเสียชีวิตในที่เกิดเหตุและบาดเจ็บดังกล่าว
ขณะที่นางกิ่งอ้อ สวนสันต์ โค้ชผู้ดูแลนักกีฬาเรือพายแคนู เล่าให้ฟังว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการแข่งขันและกำหนดจะเดินทางกลับในช่วงบ่ายนี้ โดยช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการจัดเตรียมสิ่งของและรวบรวมนักกีฬาไปยังสนามแข่งขันทั้งหมด โดยไม่รู้ว่าทั้งสองคนหายไป มาทราบตอนที่เกิดเหตุแล้วค่อนข้างตกใจมาก เพราะตลอดระยะเวลาที่มาอยู่ที่ภูเก็ตก็ได้มีการเฝ้าระวังและสั่งกำชับไม่ให้นักกีฬาแตกออกจากกลุ่มไปไหนตามลำพังด้วยเกรงจะเกิดอันตราย เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ แต่ด้วยความเร่งรีบในช่วงเช้าเลยไม่ทราบว่าทั้งสองคนได้ยืมระของผู้ปกครองที่เช่าไว้ออกไปในช่วงใด มารู้อีกครั้งก็เกิดเรื่องเศร้าขึ้นมาแล้ว
สำหรับนายสุทธิพงศ์ (ผู้ตาย) เป็นนักกีฬาตัวสำรองซึ่งพึ่งมาอยู่ในทีมได้ประมาณ 6 เดือน ขณะที่ ด.ช.อัฐพงศ์ (ผู้บาดเจ็บ) เป็นนักกีฬาตัวจริง โดยได้ทำการแข่งขันเรือพายแคนนูระยะทาง 200 เมตร, 500 เมตร และ 1,000 เมตร ซึ่งได้ทำการแข่งขันไปแล้วทั้งหมด นางกิ่งอ้อ กล่าว และกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้ติดต่อกับทางผู้ปกครองของทั้งสองคนได้แล้ว และจะเดินทางมาถึงภูเก็ตในเวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้ ก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด
จากการพูดคุยกับ ด.ช.อัฐพงศ์ ซึ่งพักรักษาตัวเพื่อรอกการผ่าตัดอยู่ที่ห้อง 501 โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ซึ่งมีอาการปวดศีรษะและบริเวณไหปลาร้า แต่สามารถที่จะพูดคุย บอกว่า จำเหตุการณ์อะไรไม่ได้มากนัก โดยบอกเพียงสั้นๆ ว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยืมรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวออกไปเพื่อซื้อของกับนายสุทธิพงศ์ (ระหว่างนั้นยังไม่ทราบว่านายสุทธิพงศ์เสียชีวิตแล้ว) มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อยู่โรงพยาบาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น