เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 1 มิถุนายน 2555 ที่บริเวณสวน 72 พรรษามหาราชินี อ.เมือง จ.ภูเก็ต ชมรมรักษ์ภูเก็ต จัดเวที “ปกบ้าน ป้องเมืองไทย” ขึ้น โดยมีแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี, นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายถาวร เสนเนียน และส.ส.ภูเก็ต ได้แก่นางอัญชลี วานิช เทพบุตร กับนายเรวัติ อารีรอบ
เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของรัฐบาล ท่ามกลางประชาชนชาวภูเก็ตที่มารับฟังการปราศรัยจำนวนไม่ต่ำกว่า 2,000 คน
ซึ่งบริเวณโดยรอบเวทีปราศรัยได้มีการติดแผ่นป้ายผ้าข้อความต่างๆ อาทิ ฉีกรัฐธรรมนูญล้างผิด ล้างคำพิพากษา อย่างไรก็รับไม่ได้ เลวกว่ารัฐประหารด้วยปืน รับไม่ได้โว้ย, พรบ.ปรองดอง คือ พรบ.ฟอกผิดให้ เหี้ยกลับมาย่ำยีประเทศ ถามครูอังคณา หรือยัง, น้ำท่วมช่วยสองร้อย เผาเมืองช่วยเจ็ดล้าน บ้าไหม เป็นต้น
ทั้งนี้เนื้อหาการปราศรัยของบรรดาขุนพลซึ่งสลับกันขึ้นเวทีตั้งแต่เวลา 17.00 น. – เวลา 21.00 น. เนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการชี้แจงถึงผลเสียหากมีการผ่านร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ซึ่งส่อขัดรัฐธรรมนูญ อีกทั้งเป็นกระบวนการล้างผิดให้กับคนโกง คืนเงินให้กับคนชั่วและทำลายล้างกระบวนการนิติรัฐ นิติธรรมของชาติ เป็นการประหารรัฐครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยเฉพาะการล้างความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สามารถเดินทางกลับประเทศไทย และได้รับการคืนที่มีการยึดมาก่อนนี้ จำนวน 46,000ล้านบาท รวมทั้งกล่าวโจมตีการทำหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีพฤติกรรมลุแก่อำนาจ เร่งรีบ รวบรัด เพื่อให้มีการพิจารณากฎหมายดังกล่าว
ในช่วงเริ่มต้นนางอัญชลี วานิช เทพบุตร และนายเรวัติ อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันนี้ (1 มิ.ย.55) ซึ่งมีการนัดประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ในเวลา 09.30 น. แต่ไม่สามารถประชุมได้ เนื่องจากมีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มคนหลากสีได้ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภา เพื่อไม่ให้ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยเดินทางเข้าสภาฯ จนสุดท้ายต้องมีการเลื่อนประชุมออกไปอย่างไม่กำหนด
นางอัญชลี เล่าด้วยว่า ได้มีโอกาสไปเยี่ยมคนภูเก็ตที่เดินทางไปคัดค้านพ.ร.บ.ปรองดองที่หน้ารัฐสภาด้วยความเสียสละ จึงอยากเรียกร้องคนไทยและคนภูเก็ตให้ลุกขึ้นมาค้านพ.ร.บ.ปรองดอง เพราะหากกฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านสภาฯ ไปได้ก็จะไปล้างบาปให้คนทำผิด และหายนะจะมาเยือนประเทศไทยอย่างแน่นอน ซึ่งในวันนี้ (1 มิ.ย.55) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้ประกาศให้คนเสื้อแดงรวมพลและเข้ากรุงเทพฯ เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์ม็อบชนม็อบอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องไปถามหัวหน้าใหญ่อย่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรว่าจะแสดงความกล้าหาญอย่างไร ซึ่งหากต้องการให้เกิดการปรองดองจริงก็จะต้องหยุดม็อบดังกล่าวให้ได้
ขณะที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี กล่าวว่า ในช่วงการประชุมสภาฯ 1-2 วันที่ผ่านมาตนยังไม่ได้พูดอะไร ทั้งๆ ที่เตรียมข้อมูลไว้แล้ว เพราะเห็นพฤติกรรมว่าเขาไม่ฟังอย่างแน่นอน เพราะพวกเขามีความตั้งใจไว้แล้ว และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพราะไม่เคยเห็นประเทศใดทำเช่นนี้ที่ฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ด้วยข้ออ้างว่าเป็นกฎหมายที่ออกด้วยคณะปฎิวัติ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเพื่อต้องการช่วยเหลือให้ตัวเองและพวกพ้องให้พ้นความผิด ไม่ว่าจะเป็นคนที่คดีพิจารณาถึงที่สุดแล้ว คนเผาศาลากลางหรือคนที่ยิงเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากกฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านออกมาได้จะสร้างความเสียหายอย่างมาก หากพี่น้องชาวภูเก็ตไม่ยอมก็อย่านั่งอยู่บ้านเฉยๆ ต้องหาทางไปกรุงเทพฯ เพื่อแสดงออกให้เห็นว่าเราไม่เอาพ.ร.บ.ปรองดองดังกล่าว
เช่นเดียวกับการขึ้นเวทีปราศรัยของนายถาวร เสนอเนียมซึ่งมีเนื้อหาไม่ต่างกันมากนัก โดยเฉพาะเรื่องความพยายามผ่านร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเพื่อล้างความผิดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้อง โดยเฉพาะการทำลายกระบวนการยุติธรรม
ด้านนายสาธิต วงศ์หนองเตย กล่าวว่า การออกมาคัดค้านการตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงของคนภูเก็ตถือเป้ฯต้นแบบที่ไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยกขึ้นในจังหวัด และยังเป็นต้นแบบการคัดค้านการตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงใน จ.สงขลา และ จ.ระยอง จนเรียกว่าเป็นโมเดลภูเก็ต ซึ่งการเปิดเวทีชี้แจงผลเสียหากมีการผ่านร่าง พ.ร.บ.ปรองดองได้จัดเป็นครั้งแรกที่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และหลังจากนี้ที่ภูเก็ตแล้วก็จะไปจัดที่กรุงเทพมหานคร
โดยใช้ชื่อว่า “ผ่าความจริง หยุดกฏหมาย ล้างผิดคนโกง” ในวันพรุ่งนี้ (2 มิ.ย.55) เพื่อให้ความรู้เรื่องกฎหมายรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.ปรองดอง ที่พรรครัฐบาลมีเป้าหมายในการฟอกคนผิดให้กลายเป็นถูก คืนทรัพย์สินที่ถูกยึดให้ทักษิณ เนื่องจากการทำงานในสภาฯ ทำได้ลำบากมาก เพราะเขามีเสียงข้างมาก ดังนั้นก็จะมีการเปิดเวทีในลักษณะดังกล่าวไปในพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชน ดังนั้นคนดีจะต้องไม่อยู่เฉยจะต้องมาร่วมกันคัดค้านและไม่ให้มีการผ่าน พ.ร.บ.ปรองดองดังกล่าวไปได้
ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวว่า การจัดเวทีตามจังหวัดต่างๆของทางพรรคฯ เป็นไปตามข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้าที่ทำรายงานวิจัยเรื่องการปรองดองแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการของพล.อ.สนธิ บุญยกริน หยิบยกมาอ้าง ซึ่งในรายงานได้เสนอแนวทางการปรองดองไว้หลายวิธี แต่มีวิธีหนึ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และจะต้องทำตาม คือ การตั้งวงเสวนาในทุกระดับ ทั้งในพรรคการเมืองและประชาชนทั่วไปเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เกิดความปรองดองขึ้นอย่างแท้จริง แต่คณะกรรมาธิการชุดของพล.อ. สนธิ กลับดึงมาเฉพาะเรื่องการนิรโทษกรรมและการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่มีการจัดเวทีเสวนาตามที่สถาบันพระปกเกล้าแนะนำ
จึงเป็นที่ประจักษ์ว่ารัฐบาลอ้างเรื่องความปรองดอง แต่แท้จริงเป็นการออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้พ้นความผิดทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นความผิดที่ศาลสั่งจำคุก การยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาท และอื่นๆ รวมถึงลบล้างความผิดให้กับพวกพ้องที่ต้องคดีอาญา ซึ่งเมื่อดื้อดึงจะออกมาให้ได้ทำให้ประชาชนทนไม่ได้ออกมาต่อต้านคัดค้าน เพราะไม่ต้องการให้ พ.ร.บ.ปรองดองปลอมๆ ผ่านสภาผู้แทนราษฎร เมื่อรัฐบาลไม่ทำเรื่องของการรับฟังความเห็นประชาชน ทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องออกมาชี้แจ้งข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบ
นายสุเทพ กล่าวต่อด้วยว่า ประชาธิปัตย์จะทำทุกวิถีทางในการคัดค้าน พ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะเป็นกฎหมายที่จะเข้ามาล้มล้างความผิดที่ไม่สามารถจะปล่อยให้ผ่านไปได้ เพราะหากผ่านไปแล้วจะทำลายระบบตุลาการ โดยจะทำการคัดค้านทั้งในสภา และนอกสภา ซึ่งทางพรรคฯ ยอมจะเสียหน้าไปบ้างแต่จะต่อสู้ต่อไปเพื่อประเทศชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น