เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2555 ที่ร้านไม้หมอนซีฟู้ด อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนฤเบศ อายุพงศ์ ประธานสโมสรเอฟซีภูเก็ต ร่วมกับนายสรนันท์ เสน่ห์ ผู้อำนวยการสโมสรเอฟซีภูเก็ต นายไพฑูรย์ ชุติมากรกุล ที่ปรึกษาสโมสรเอฟซี ภูเก็ต นายรณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการกีฬาสโมสรเอสซีจีเมืองทองยูไนเต็ด ที่ปรึกษาด้านบริหารงานสโมสรเอฟซีภูเก็ต และ พล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ในฐานะประธานระดมทุน
ในโครงการ SAVE FC PHUKET ร่วมกันแถลงข่าว เกี่ยวกับการจัดทำโครงการ SAVE F.C.PHUKET เพื่อหางบประมาณมาบริหารจัดการให้ทีมฟุตบอลของสโมสรเอฟซีภูเก็ตเดินหน้าต่อไปได้
นายไพทูรย์ ชุติมากรกุล ที่ปรึกษาสโมสร เอฟซี ภูเก็ต กล่าวว่า ทีมฟุตบอลเอฟซี ภูเก็ต ได้แจ้งเกิดมาเมื่อประมาณปี 2553 และประสบความสำเร็จสูงสุดจนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง แต่จากปัญหาต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ทีมเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ เปรียบเหมือนคนที่นอนอยู่นิ่งๆ คอยวันหมดลมหายใจ ซึ่งหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ทีมฟุตบอลเอฟซี ภูเก็ต ก็จะหายไปจากวงการฟุตบอลเมืองไทยอย่างแน่นอน ดังนั้นตนในฐานะที่เป็นคนภูเก็ตจึงได้ประสานกับทางผู้บริหารเอสซีจีเมืองทองฯ ในการเข้ามาช่วยเหลือและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งระดมทุนเพื่อทำให้ทีมกลับฟื้นคืนมาอีกครั้ง เนื่องจากมองว่าภูเก็ตยังมีศักยภาพและเพื่อให้เป็นทีมฟุตบอลของคนภูเก็ตทุกคน
ขณะที่นายรณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการกีฬาสโมสรเอสซีจีเมืองทองยูไนเต็ด ที่ปรึกษาด้านบริหารงานสโมสรเอฟซีภูเก็ต กล่าวว่า การเข้ามาของทางสโมสรฯ เพื่อช่วยให้สโมสรเอฟซีภูเก็ตเดินหน้าต่อไป หลังจากที่ผ่านมาประสบกับปัญหาวิกฤตเรื่องงบประมาณซึ่งหนักเกินกว่าที่ทีมบริหารปัจจุบันจะรับได้ ดังนั้นจะเร่งดำเนินการฟื้นความเชื่อมั่นของผู้สนับสนุน โดยเฉพาะแฟนคลับซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้สนับสนุนและสปอนเซอร์ต่างๆ จึงได้เกิดโครงการ SAVE FC PHUKET ขึ้น
“ผู้ที่จะสามารถหาสปอนเซอร์หรือผู้สนับสนุนได้นั้น คือ แฟนคลับหรือแฟนบอล ซึ่งจะต้องทำให้คนกลุ่มนี้กลับเข้าสู่สนามให้ได้ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา เพราะการจะทำทีมฟุตบอลให้มีความแข็งแกร่งได้นั้นแฟนคลับถือว่าสำคัญมาก และจะต้องใช้งบประมาณปีละ 50 – 60 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ในส่วนของสนามแข่งขันก็ไม่มีปัญหาแล้ว เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ ซึ่งจะต้องมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน เพื่อให้มีรายได้เพียงพอกับรายจ่าย ทั้งจากผู้สนับสนุน สปอนเซอร์ ค่าตั๋วเข้าชม ค่าสินค้าที่ระลึกและเงินอุดหนุนจากภาคส่วนต่างๆ”
นายรณฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า แนวทางของโครงการ Save FC Phuket ในเบื้องต้น จะมีการแบ่งหุ้นของสโมสรเอฟซีภูเก็ตออกมา 10% หรือประมาณ 1,000 หุ้น นำมาขายในราคาหุ้นละ 10,000 บาท ซึ่งจะทำให้มีรายได้ในปี 2555 จำนวน 10 ล้านบาท อย่างน้อยก็จะได้มีเงินทุนในการหมุนเวียนประมาณ 50% ของรายจ่ายทั้งหมด ซึ่งขาดอยู่ปีละประมาณ 17-18 ล้านบาท โดยผู้ซื้อหุ้นจะได้รับสิทธิพิเศษเป็นตั๋วรายปี 1 หุ้น ต่อ 1 ที่นั่ง VIP เสื้อเอฟซี ภูเก็ต รุ่นลิมิเต็ด 1 ตัว รวมไปถึงบริการอื่นๆ ในช่วงของการชมการแข่งขันและหลังการแข่งขัน ทั้งนี้เพื่อความโปรงใส จะมีการสรุปรายละเอียดทั้งหมดภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งแฟนคลับและผู้ต้องการสนับสนุนสามารถตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ และติดตามความคืบหน้าได้ที่ www.fcphuket.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น