เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2555 ที่ห้องประชุม 1 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (อาคารใหม่) นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยคณะทำงานจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการเพื่อควบคุม/บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับร้านจำหน่ายบารากู่ จังหวัดภูเก็ต
ได้แถลงข่าวผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองว่า ร้านดังกล่าวเป็นแหล่งมั่วสุมของเยาวชน และเกรงจะก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมา จึงขอให้ทางจังหวัดได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายจำเริญ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนก็ได้มีการจัดทำคณะทำงานฯ ขึ้น และได้มีการออกตรวจร้านจำหน่ายบารากู่ทั่วทั้งจังหวัดภูเก็ต โดยมีร้านเป้าหมายการดำเนินการ คือ พื้นที่อำเภอเมืองภูเก็ต จำนวน 12 ร้าน พื้นที่อำเภอกะทู้ จำนวน 12 ร้าน และพื้นที่อำเภอถลาง จำนวน 2 ร้าน ซึ่งผลจากการดำเนินการดังกล่าว
สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายหรือให้บริการบารากู่ จำนวน 11 ร้าน ผู้ต้องหา 10 ราย ดำเนินคดีข้อหา มีไว้เพื่อขายยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ และช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย พาเอาไปเสีย ซื้อ จำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งขออันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้าม หรือที่เข่ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง
นอกจากนี้ยังมีการจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และเข้าทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 2 ร้าน ผู้ต้องหา 6 ราย จับกุมผู้เสพยาเสพติด (ยาไอซ์) จำนวน 2 ราย โดยนำเข้าบำบัดในระบบสมัครใจ และได้มีการประชาสัมพันธ์ แจ้งประกาศเตือนให้สถานประกอบการเลิกจำหน่ายหรือให้บริการบารากู่ เนื่องจากมีความผิดตามกฎหมายหลายประการ ตามประกาศจังหวัดภูเก็ต เรื่อง แจ้งเตือนสถานบริการ สถานบันเทิง สถานประกอบการ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่ให้บริการบารากู่ ลงวันที่ 12 เมษายน 2555
“ในการลงปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่นั้นได้มีการตั้งข้อสังเกตในพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ตด้วยว่า ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นเยาวชน อายุระหว่าง 14-18 ปี มาใช้บริการเป็นกลุ่มๆละ 4-5 คน ทั้งชายและหญิง นอกจากนั้นยังพบการใช้สารเสพติด เช่น ยาไอซ์ เป็นต้นด้วย และเมื่อการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ร้านให้บริการก็เปลี่ยนรูปแบบจากที่เคยเปิดให้บริการอย่างโจ่งแจ้งเป็นการปิดร้านและมั่วสุมอยู่ภายในร้าน
สังเกตได้จากรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้านเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันพบว่าบางร้านได้เลิกการจำหน่ายไปแล้ว ส่วนพื้นที่ อ.กะทู้ โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองป่าตอง พบว่าร้านจำหน่ายหรือให้บริการจะเป็นร้านจำหน่ายอาหารมีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของ ว่าจ้างทั้งคนไทยและต่างชาติเป็นผู้ดูแลร้าน ผู้ใช้บริการจะเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ส่วนใหญ่มาจากประเทศตะวันออกกลาง ขณะที่พื้นที่ อ.ถลาง ไม่พบร้านจำหน่ายหรือให้บริการบารากู่”
อย่างไรก็ตามนายจำเริญ กล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่มีร้านจำหน่ายหรือให้บริการบารากู่แล้ว ก็ได้สั่งการให้คณะทำงานฯ ลงตรวจสอบพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่พบว่ามีการเปิดให้บริการอีก จึงสามารถประกาศได้ว่าภูเก็ตเป็นเมืองปลอดบารากู่ นอกจากนี้ยังได้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในเรื่องกฎหมายการห้ามสูบบุหรี่ในที่ต้องห้ามต่างๆ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสถานประกอบการต่างๆ เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น