เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2555 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหารือกับ น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง
ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดภูเก็ต เพื่อหารือการดำเนินการศึกษาความเหมาะสม และผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงการออกแบบรายละเอียดโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง (อุโมงค์ป่าตอง) เพื่อรับทราบข้อมูลและข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อนำไปพิจารณาดำเนินโครงการต่อไป
นายอัยยณัฐ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2555ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอแผนงาน/โครงการที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันในส่วนที่เหลือ โดยมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบรับไปพิจารณาศึกษาความเหมาะสมและจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ รวมทั้งดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี และนำเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไปนั้น
ต่อมา กทพ.จึงได้เริ่มดำเนินโครงการ ภายใต้ชื่อ โครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการพื้นที่ อ.กะทู้ บริเวณทางแยกจากทางหลวงหมายเลข 4029 ที่ กม.0+850 เป็นทางยกระดับขนาด 4-6 ช่องจราจร จากนั้นแนวสายทางมุ่งหน้าไปยังหาด ป่าตอง ตัดผ่านเขานาคเกิด โดยก่อสร้างเป็นอุโมงค์คู่ ทิศทางมุ่งหน้า อ.กะทู้ 1,581 เมตร ทิศทางมุ่งหน้าหาดป่าตอง มีความยาว 1,613 เมตร เมื่ออกจากอุโมงค์จะเป็นทางยกระดับขนาด 4-6 ช่องจราจร เชื่อมต่อเข้ากับถนนผังเมืองรวม สายก ซึ่งเป้ฯจุดสิ้นสุกของโครงการ รวมระยะทาง 3.08 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นและสิ้นสุดโครงการ ก่อสร้างเป็นทางแยกต่างระดับ เพื่อลดปัญหาจราจร และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้เส้นทางนายอัยยณัฐกล่าว
นายอัยยณัฐ กล่าวด้วยว่า การสร้างอุโมงค์เชื่อมระหว่างกะทู้กับป่าตอง นอกจากจะช่วยย่นระยะทางการเดินทางจากตัวเมืองไปยังชายหาดป่าตองแล้ว ยังช่วยลดอุบัติเหตุจากสภาพการขับรถขึ้น-ลงเขา โดยเฉพาะในขณะที่ฝนตกหรือทัศนวิสัยไม่ดี ซึ่งปัจจุบันมีอุบัติเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่าปีละ 10 ราย นอกจากนี้การสร้างอุโมงค์ยังจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย ทั้งนี้ในการดำเนินโครงการนั้นทาง กทพ.จะดำเนินการอย่างละเอียด รอบคอบ เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น