จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อบจ.ภูเก็ตดันต่อถนนใต้เสาไฟฟ้าแรงสูง



เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2555 ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมโครงการสำรวจและออกแบบรายละเอียดถนนใต้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง
เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการดำเนินโครงการและติดตามการขออุทิศที่ดิน พร้อมรับทราบปัญหาต่างๆ เพื่อประกอบการพิจารณา โดยมีส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต, แขวงการทางจังหวัดภูเก็ต, นายกเทศมนตรีตำบลศรีสุนทร , กำนันตำบลศรีสุนทร เป็นต้น


นายไพบูลย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการประชุมศูนย์เครือข่ายเพื่อแก้ปัญหาและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการหยิบยกประเด็นปัญหาการจราจรเส้นทางเข้าออกเมืองภูเก็ต- สนามบิน ซึ่งปัจจุบันมีเส้นทางหลักเพียงเส้นเดียว คือ ถนนเทพกระษัตรี หรือทางหลวงหมายเลข 402 ประกอบกับทางจังหวัดภูเก็ต โดยเมื่อปี 2552 แขวงการทางจังหวัดภูเก็ตได้มีการศึกษาสำรวจและออกแบบรายละเอียดของโครงการดังกล่าวไว้แล้ว ระยะทางประมาณ 21 กิโลเมตร และได้มีเจ้าของกรรมสิทธิ์บริจาคที่ดินแล้วบางส่วน 


“เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในการสัญจรไปมา ทาง อบจ.ภูเก็ต จึงมีแนวคิดในการดำเนินโครงการดังกล่าวต่อ โดยจะแบ่งการพัฒนาออกเป็นระยะๆ เบื้องต้นจากที่ได้หารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ข้อสรุปเลือกพื้นที่ใต้เสาไฟฟ้าแรงสูงบริเวณบ้านศรีสุนทร-หัวหาร ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร นำร่องดำเนินการเป็นลำดับแรก เพื่อให้เป็นตัวอย่างสำหรับพื้นที่อื่นๆ เพราะจะต้องมีการขออุทิศที่ดินจากผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้รอนสิทธิ์ไว้แล้ว” 


นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า เนื่องจากที่ดินที่จะดำเนินการนั้นจะต้องขออุทิศจากเจ้าของที่ดิน ซึ่งคงต้องให้ นายกเทศมนตรีศรีสุนทร กำนัน ต.ศรีสุนทร และผู้เกี่ยวข้องได้ช่วยเจรจา หากสำเร็จทาง อบจ.ภูเก็ตจะได้จัดสรรงบประมาณปี 2556 ในการก่อสร้างต่อไป เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์แท้จริง ขณะที่นายกิตติศักดิ์ โสตรักษา กำนันตำบลศรีสุนทร กล่าวว่า แม้ที่ดินที่จะก่อสร้างถูกรอนสิทธิ์โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยแล้ว แต่หากจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นก็จะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ โดยจะต้องทำเป็นหลักฐานทางราชการ แม้ไม่มีการก่อสร้างเจ้าของเดิมก็ไม่สามารถทวงคืนได้ 


ดังนั้นจึงอยากให้มีการลงไปทำความเข้าใจกับเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน และอาจกำหนดเงื่อนไขว่าหากไม่มีการก่อสร้างในระยะเวลาเท่าใดกรรมสิทธิ์จะกลับไปเป็นของเจ้าของเดิม ซึ่งระยะทาง 2 กิโลเมตรที่จะดำเนินการนำร่องนั้นมีประมาณ 4 ราย รวมทั้งการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม 


ด้านนายทรงกริช สรรพกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พิสุทธิ์ เทคโนโลยี จำกัด หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบรายละเอียดของโครงการถนนใต้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง กล่าวว่า จากข้อมูลที่ทางบริษัทฯ ได้ศึกษาไว้นั้นถนนสายดังกล่าวมีระยะทางประมาณ 20.50 กิโลเมตร ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 955 ล้านบาท เฉลี่ยกิโลเมตรละ 50 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบในแต่ละช่วงที่แตกต่างกัน ส่วนที่จะมีการนำร่องก่อสร้างบริเวณบ้านศรีสุนทร-หัวหาร ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรนั้น จะต้องไปทำการถอดแบบออกมาใหม่จึงจะได้รายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะใช้งบประมาณเท่าใด 








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น