นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เรือนจำ ร่วมกันแถลงผลการดำเนินโครงการเรือนจำสีขาวปลอดยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือ ที่ห้องประชุมเรือนจำจังหวัดภูเก็ต ว่า ตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติด
นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แผนปฏิบัติราชการกรมราชทัณฑ์ พ.ศ.2555-2558 ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3 รวมพลังแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ได้ผลอย่างยั่งยืน เป้าประสงค์ ขจัดปัญหายาเสพติดให้ได้ผลอย่างยั่งยืน กลยุทธ์หลัก ผู้ต้องขังติดยาเสพติดได้รับการบำบัดฟื้นฟู และเรือนจำปลอดยาเสพติด ตลอดจนนโยบายอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ประจำปี 2555 การแก้ไขปัญหายาเสพติดในเรือนจำ ซึ่งผลปรากฏว่า ขณะนี้ได้มีการประกาศให้เรือนจำจังหวัดภูเก็ต เป้นเรือนจำสีขาวปลอดยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือเรียบร้อยแล้ว
นายระพินทร์ กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงชีวิตตามปกติสุขของประชาชนอย่างรุนแรง เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของยาเสพติดเป็นจำนวนมาก จนเป็นวิกฤตที่สำคัญของชาติบ้านเมือง รัฐบาลจึงได้กำหนดเป็นวาระสำคัญแห่งชาติ ที่ต้องภาคส่วนในสังคมจะต้องร่วมเป็นพลังแผ่นดินในการต่อสู้กับยาเสพติด โดยใช้ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติดเป็นยุทธศาสตร์หลัก และมีการกำหนดยุทธศาสตร์สำคัญที่จะดำเนินการคือ 7 แผน 4 ปรับ 3 หลัก 6 เร่ง เพื่อให้เป็นสิ่งที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องยึดเป็นหลักในการขับเคลื่อนงานยาเสพติด
“ผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดภูเก็ตทั้งหมด ซึ่งมีประมาณ 1,845 คน เป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดมากที่สุด 1,562 คน หรือประมาณ 84% ทำให้เห็นว่าสถานการณ์ยาเสพติดทวีควารุนแรงมากขึ้น จึงได้มีมาตรการในการป้องปรามทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังเพื่อไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยการรวมพลังจากทุกภาคส่วนมาบูรณาการร่วมกันจำกัดวงจรของยาเสพติดให้หมดสิ้นไป ด้วยการตรวจค้นเรือนจำ ตรวจสิ่งของญาติเยี่ยม ตรวจปัสสาวะเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังทุกคน เพื่อหาสารเสพติด รวมถึงการตรวจสอบเข้มการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำด้วยวิถีการต่างๆอย่างจริงจังและต่อเนื่อง”
นายระพินทร์ กล่าวว่า จากการดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวด ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาไม่พบการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือและยาเสพติดเข้าไปในเรือนจำ จึงทำให้ยืนยันได้ว่าเป็นเรือนจำสีขาวปลอดยาเสพติด และพร้อมที่จะให้หน่วยงานจากภายนอกตรวจสอบได้ตลอดเวลา นอกจากนี้สำหรับผู้ต้องขังนั้นก็จะมีการจัดอบรมให้ความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และกิจกรรมต่างๆ ตามความเหมาะสม เช่น เล่นดนตรี ฝีกอาชีพระยะสั้น เรียนหนังสือ เป็นต้น เพื่อให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก แต่ก็ยอมรับว่ามีผู้ต้องขังบางส่วนที่กลับเข้ามารับโทษอีก แต่ก็เป็นส่วนน้อย ประมาณ 2-3%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น