เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2555 ที่ห้องประชุมโรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต นพ.วีรพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานคณะทำงานสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาวิชาการด้านความปลอดภัยทางถนน ระดับภาคใต้ “รวมพลังภาคีเครือข่าย มุ่งเป้าหมายลดการตายทางถนน 30% ภายในปี 2556” ซึ่งทาง สอจร.ภาคใต้ จัดขึ้น โดยมีภาคีเครือข่ายที่ทำงานด้านการป้องกันอุบัติเหตุจราจรจำนวน 350 คน
ประกอบด้วย ภาคีเครือข่าย 14 จังหวัดภาคใต้, ตำรวจ, สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, ขนส่ง, สาธารณสุข, ประชาสัมพันธ์, ภาคการศึกษา, กองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี, ผู้ทำงานด้านอุบัติเหตุจากส่วนกลาง และผู้เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวต้อนรับ
นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ นายแพทย์เชี่ยวชาญ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ในฐานประธาน สอจร.ภาคใต้ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาด้านอุบัติเหตุทางถนนถือเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญของประเทศไทย และเป็นปัญหาสำคัญของโลก จากรายงานขององค์การอนามัยโลก ในปี 2550 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนปีละมากกว่า 1.2 ล้านคน ในปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีคนเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนปีละนับล้านคน และเสียวชีวิตกว่า 16,000 คน พฤติกรรมของผู้ใช้รถใช้ถนนยังไม่ดีขึ้น เช่น อัตราการสวมหมวกนิรภัย การคาดเข็มขัดนิรภัยยังอยู่ที่ประมาณ 50% เท่านั้น คนเจ็บที่เป็นคนขับมีอัตราการดื่มสูงถึงกว่า 30%
ทั้งนี้ยังมีความสูญเสียทางเศรษฐกิจจำนวนมหาศาล โดยกรมทางหลวงประมาณมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุทั้งหมดในปี 2551 สูงถึง 232,200 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงดำเนินการตามประกาศองค์การสหประชาชาติ ประกาศให้ปี พ.ศ.2554-2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน (Decade of Action for Road Safety) โดยมีเป้าหมายลดอัตราผู้เสียชีวิตให้ต่ำกว่า 10 คนต่อประชากรแสนคนในปี 2563
นอกจากนั้นสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) กำหนดให้อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นตัวชี้วัดร่วมของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น สอจร.ภาคใต้ ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับภาคในการบูรณาการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนมาอย่างต่อเนื่อง ได้ตระหนักถึงความสำคัญของทุกภาคส่วนจึงได้จัดสัมมนาระดับภาค เรื่อง รวมพลังภาคีเครือข่ายมุ่งเป้าหมายลดการตายทางถนน 30% ภายในปี 2556 ขึ้น เพื่อเป็นเวทีให้ผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงานจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้รับทราบนโยบายของรัฐบาลและของภาคในการดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมเสนอนโยบายสาธารณะ
รวมทั้งแนวทางการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการดำเนินงาน รวมถึงจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้นำความรู้ แนวทาง และรูปแบบการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ เพื่อไปเผยแพร่และปฏิบัติให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อให้เกิดรูปธรรมในการทำงานที่จริงจัง และมีประสิทธิภาพในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับอุบัติเหตุจราจรให้สอดคล้องกับทศวรรษความปลอดภัยทางถนน ตลอดจนการเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้เห็นถึงปัญหาที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งล้วนทำให้เกิดผลดีต่อสังคม ภายใต้ยุทธศาสตร์แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนฯ มีทั้งหมด 6 ด้าน ได้แก่ การปรับนโยบายให้เป็นนโยบายเร่งด่วนระดับชาติ, การสร้างเสถียรภาพในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน, การทำแผนนิติบัญญัติ, การป้องกันและแก้ไขปัญหาความปลอดภัยทางถนนในส่วนกลาง,การป้องกันและแก้ไขปัญหาความปลอดภัยทางถนนในส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น รวมทั้งการวิจัย การพัฒนา และติดตามประเมินผลด้านความปลอดภัยทางถนน
อย่างไรก็ตาม นพ.วิวัฒน์ กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลที่มีพบว่าในภาคใต้ปัญหาการเสียชีวิตของประชากรต่อแสนประชากรอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ และอัตราการสวมหมวกนิรภัยของภาคใต้ในภาคเฉลี่ยก็ต่ำกว่าภาคอื่น ๆ แต่ก็ยังมีจุดเด่นในหลายจังหวัดที่ดำเนินการเรื่องอุบัติเหตุได้ดี เช่น จังหวัดภูเก็ตเป็น 1 ใน 3 จังหวัดของประเทศที่มีการสวมหมวกนิรภัยสูงสุด รวมถึงการดำเนินการแก้ไขจุดเสี่ยง ซึ่งพบว่าทำให้อัตราการเสียชีวิตของคนในจังหวัดภูเก็ตลดลงประมาณร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตประมาณ 200 คนต่อปี ถึงปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตปีละประมาณ 160 คน และคาดว่าใน 3 ปี ข้างหน้า จะสามารถที่จะผลักให้การเสียชีวิตเหลือต่ำกว่า 50 รายต่อปี อันนี้เนื่องจากว่าการทำงานของเครือข่ายในพื้นที่ค่อนข้างมีความเข้มแข็ง
นพ.วิวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับจังหวัดภูเก็ตมีเป้าหมายในการดำเนินการที่จะให้ได้ผลไม่ต่ำกว่า 50 รายต่อปี ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง และแขวงการทางภูเก็ตได้ออกมาเป็นนโยบายว่าใน 3 ปี ได้มีการตั้งงบประมาณจำนวน 84 ล้านบาท ในการแก้ไขจุดเสี่ยงทั้งจังหวัดจำนวน 40 จุด ซึ่งได้มีบรรจุไว้ในแผนจังหวัดแล้ว ฉะนั้นการแก้ไขที่ดำเนินการต่อเนื่อง ก็จะทำให้การเสียชีวิตลดลงชัดเจน เพราะสาเหตุการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรของจังหวัดภูเก็ตยังมีปัญหา ทั้งการบาดเจ็บจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ แม้อัตราการสวมหมวกนิรภัยจะสูงเป็นอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ แต่พบว่ามีประมาณร้อยละ 10 ที่ยังไม่สวมหมวกนิรภัย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเยาวชน และวัยที่เพิ่งทำงาน กับการดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับ ซึ่งพบว่าผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุประมาณ 50% มีแอลกอฮอล์อยู่ในเลือด ซึ่งหากสามารถดำเนินมาตรการดื่มแล้วไม่ขับก็จะลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุการจราจรได้ทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น