รอง ผบช.ทท. นำทีม สนธิกำลังหลายหน่วยลุยตรวจ
ธุรกิจเกี่ยวเนื่องท่องเที่ยว สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว
และคืนอาชีพที่มีชาวต่างชาติลักลอบทำให้กับคนไทย
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2560 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผบก.ทท.3 , พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 และ พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ.สนธิกำลังตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, ตรวจคนเข้าเมือง, ตำรวจน้ำ, บก.สปพ. (อรินทราช), สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์, สำนักงานทะเบียนการค้า พาณิชย์จังหวัดฝ่ายปกครอง ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
เข้าตรวจสอบการประกอบการของบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการปฎิบัติตามยุทธการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว @ ภูเก็ต โดยกระจายกำลังเข้าตรวจสอบสถานประกอบธุรกิจต่างๆ รวม 15 จุด เช่น บริษัทบริการดำน้ำและสอนดำน้ำรอบๆ ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง อ.เมืองภูเก็ต บริการสปา สถานพยาบาล สถานที่ต้องสงสัยเปิดบริการรับพนันฟุตบอลออนไลน์ เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังได้มีการลงตรวจสอบภายในเรือซึ่งนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำบริเวณเกาะแก่งต่างๆ ด้วย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การสนธิกำลังของตำรวจท่องเที่ยว กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยจากส่วนกลางและในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อร่วมกันปฏิบัติการในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย เนื่องจากขณะนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวของชาวจีน และจากการประเมินสถานการณ์การท่องเที่ยวตลอดเดือนตุลาคม เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งทั่วประเทศไม่น่าจะต่ำกว่า 6 แสนคน และจะทำรายได้ให้กับประเทศไม่นต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท และจากการเปรียบเทียบตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงเดียวกันของปีนี้กับปีที่ผ่านมา คาดว่าในปี 2560 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นมากถึง 35 %
“การลงพื้นที่ภูเก็ตนั้น เน้นตรวจสอบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นมาเฟีย อาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด การเล่นพนันฟุตบอล ธุรกิจให้บริการนักท่องเที่ยว เช่น ธุรกิจดำน้ำ สปา สอนภาษา สถานบริการพยาบาล เป็นต้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามั่นใจได้ว่า จะไม่ถูกหลอกลวงเอารัดเอาเปรียบ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อห้มั่นใจในการตัดสินใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว มีเป้าหมายดำเนินการ 15 จุด”
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ในการตรวจสอบบริษัทที่ประกอบธุรกิจให้บริการนักท่องเที่ยวนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสอนดำน้ำ และการพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำ จะตรวจสอบในเรื่องของการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท การจดทะเบียนประกอบธุรกิจนำเที่ยว รวมถึงตรวจสอบใบอนุญาตทำงานกรณีที่เป็นคนต่างด้าว ซึ่งต้องเป็นตามกฎหมาย และการทำประกันชีวิตให้กับนักท่องเที่ยว เนื่องจากที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจากการดำน้ำค่อนข้างมาก
และมีการตรวจพบว่ามีบางบริษัทเป็นของชาวต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจ และเข้ามาแย่งอาชีพของคนไทย ทำให้คนไทยไม่มีที่ยืน เบื้องต้นมีการตรวจสอบ 4 บริษัท พบว่า บางบริษัทส่งลูกค้าลงเรือไปแล้วแต่ไม่มีการทำประกันชีวิต ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีดำเนินคดีตามกฎหมายกันต่อไป และจะต้องมีการตรวจสอบการปฎิบัติตามกฎหมายอื่นๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น