“วิสุทธิ์ ” ออกโรงแจงกรณีไม่ลงสมัคร นายก อบจ.ภูเก็ต

จากกรณีที่มีกระแสข่าวลือสะพัดมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนจะมีการเปิดรับสมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) ระหว่างวันที่ 2-6 พฤศจิกายน 2563 ว่า จะมีนักธุรกิจมาลงสมัครชิงชัยตำแหน่งนายก อบจ.ภูเก็ต โดยมีการพุ่งเป้าไปที่ “นายวิสุทธิ์ สันติกุล อดีตรองนายก อบจ.ภูเก็ต” แต่กระทั่งจนถึงเวลาปิดรับสมัครก็ไม่ปรากฏว่า มีการยื่นเอกสารการสมัครแต่อย่างใด

จากการสอบถามไปยังนายวิสุทธิ์ สันติกุล นักธุรกิจชื่อดัง และอดีตรองนายก อบจ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า เดิมก็ตั้งใจว่าจะมีการสมัครฯ เหมือนกัน และได้มีการเตรียมความพร้อมต่างๆ แล้ว แต่จากการติดตามพบว่า ผู้สมัครส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่ๆ จึงมองว่า น่าจะหมดยุคของตนแล้ว จึงตัดใจไม่ลงสมัครฯ เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้นำแนวคิดใหม่ๆ เข้ามาบริหารจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะหลังจากเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19

“จริงๆ ได้เตรียมพร้อมไว้แล้วทุกอย่าง ทั้งเอกสารและภาพถ่ายที่ใช้ประกอบการรับสมัคร แต่ต้องถอยออกมา เพราะมองว่าภูเก็ตวันนี้ไม่ใช่ยุคของผม แต่เป็นยุคของคนรุ่นใหม่ รุ่นลูก รุ่นหลาน จึง ขอเว้นวรรคทางการเมืองสักระยะก่อน แต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธการลงเลือกตั้งเสียทีเดียว หากมีการเลือกตั้งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นท้องถิ่นหรือการเมืองระดับชาติ เมื่อถึงเวลานั้นจะมาพิจารณากันอีกครั้ง”

ทั้งนี้นายวิสุทธิ์ ได้กล่าวขอบคุณผู้ใหญ่หลายๆ กลุ่มที่ได้ประสานมา เพื่อให้ลงสมัครฯ ในครั้งนี้ แต่สำหรับเวทีนี้ตนอยากให้เป็นสนามเลือกตั้งของคนรุ่นใหม่ เพราะเชื่อว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้สอนให้คนภูเก็ตเห็นว่า จะอยู่กันแบบเดิมๆ หรือจะใช้การบริหารจัดการในรูปแบบเก่าๆ ไม่ได้แล้ว เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องมีการเรียนรู้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อนำภูเก็ตให้เดินไปข้างหน้า และเหมาะที่คนรุ่นใหม่จะได้เข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ซึ่งคิดว่าการเลือกนายก อบจ.ภูเก็ต ครั้งนี้ จะทำให้คนภูเก็ตไม่พลาด และน่าจะเจ็บแล้วจำว่า เมื่อเลือกไปแล้วจะทำประโยชน์อะไรให้แก่ภูเก็ตบ้าง ซึ่งเด็กรุ่นใหม่ที่มีอายุระหว่าง 16-26 ปี น่าจะเป็นพลังของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพราะเราไม่ได้เลือกตั้งนายก อบจ.มานานแล้ว และสิ่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือ การหาเสียงผ่านโซเชียลเชื่อว่าครั้งนี้น่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแน่นอน