นางอัญชลี วานิช เทพบุตร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณไทยเข้มแข็งซึ่งทางรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้วางเป้าหมายว่าจะเป็นการลงทุนพัฒนาประเทศครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในฝั่งอันดามันถูกหยิบยกมาเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการสร้างพื้นฐานรองรับการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติต่อไปในอนาคต ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตสำหรับเริ่มด้วยงบประมาณจำนวน 154 ล้านบาทในการก่อสร้างอาคารยิมเนเซี่ยม 4,000 ที่นั่ง ซึ่งได้มีความคืบหน้าโดยได้มีการทำพิธียกเสาเอกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็จะเป็นการลงมือก่อนสร้างซึ่งจะแล้วเสร็จตามปฎิทินงบประมาณที่กำหนดไว้
ส่วนของงบประมาณอื่นๆ เช่น งบประมาณในการขยายท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต จำนวนประมาณ 5,700 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในแผนพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ตอยู่แล้ว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางกลับเข้ามาในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ยังมีศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติ บริเวณที่ราชพัสดุท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จากการสอบถามไปยังกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ทราบว่ามีความคืบหน้าไปพอสมควร โดยได้มีการเปิดประมูลออกแบบก่อสร้างไปเรียบร้อยแล้ว และได้มหาวิทยาลัยลาดกระบังเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งจะต้องดำเนินการในส่วนของการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอก็จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะตกปีงบประมาณไป เนื่องจากทางคณะรัฐมนตรีได้มีการขยายเวลาให้เซ็นสัญญาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้ แต่คิดว่าน่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตามโครงการที่น่าเป็นห่วง คือ การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองกระทะ ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งได้รับงบประมาณแล้วจำนวน 600 กว่าล้านบาท ซึ่งได้รับแจ้งจากกรมชลประทานว่าการเตรียมการต่างๆ พร้อมแล้ว เหลือเฉพาะความเห็นชอบจากทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากได้รับการอนุมัติก็สามารถลงมือก่อสร้างได้ทันที และจะดำเนินการได้แล้วเสร็จทันภายในปี 2555
ส่วนการจัดสรรงบประมาณดำเนินการโครงการอื่นๆ ที่ยังขาดเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการถนนไร้ฝุ่น กระทรวงคมนาคม โครงการพัฒนาด้านการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงโครงการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งรอการพิจารณาจากทางคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง นางอัญชลีกล่าว และว่า โครงการแก้ปัญหาด้านการจราจรโดยเฉพาะบริเวณสี่แยกอุทยานไทนานและสี่แยกโลตัส คาดว่าจะบรรจุในงบประมาณปี 2554
นางอัญชลี กล่าวด้วยว่า สำหรับงบไทยเข้มแข็งที่ จ.ภูเก็ตได้รับในโครงการต่างๆ รวมแล้วประมาณ 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดชายฝั่งอันดามันทำรายได้ให้กับประเทศปีละจำนวนมากรวมแล้วไม่นับกว่าหนึ่งแสนล้านบาทต่อปี ดังนั้นการจัดสรรงบประมาณลงมาให้จังหวัดแถบนี้โดยองค์รวมจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ขณะเดียวกันในส่วนของจังหวัดภูเก็ตก็จะต้องช่วยวางระบบในการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการเป็นเมืองท่องเที่ยวนานาชาติให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น
ส่วนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวนั้น นางอัญชลี กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้กับทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้จำนวน 360 ล้านบาท เพื่อเป็นการทำตลาดภายในประเทศ ขณะเดียวกันรัฐบาลได้รณรงค์ให้ส่วนราชการต่างๆ เดินทางดูงานภายในประเทศ เพื่อร่วมฟื้นการท่องเที่ยว ส่วนของงบประมาณในการทำตลาดต่างประเทศนั้น ทางท่านนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงว่าจะต้องทำความสงบให้เกิดขึ้นภายในประเทศก่อน เพราะไทยเราเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว ทั้งนี้ได้เน้นย้ำ ททท.ในการคำนวณว่าเมื่อใช้งบประมาณไปแล้วจะสามารถทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางกลับเข้ามาได้มากน้อยเพียงใด ดังนั้นการทำตลาดในระยะนี้จึงเน้นตลาดใกล้บ้านซึ่งใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 6 ชั่วโมง เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย เป็นต้น หลังจากนั้นก็จะเป็นตลาดระยะใกล้ ซึ่งจะดูผลในการจัดงานไอทีบีที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งคิดว่าน่าจะดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวนี้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น