นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ช่วงประมาณปี 2547 ได้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการนำเจ็ทสกีมาให้บริการนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาดต่างๆ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยวที่เล่นน้ำอยู่บริเวณชายหาด ในครั้งนั้นได้มีการเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้อง และได้สรุปมาตรการดำเนินการเพื่อให้เจ็ทสกีหมดไปภายใน 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2547 และกำหนดโซนนิ่งการเล่นเจ็ทสกีใน 5 พื้นที่ ประกอบด้วย หาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน หาดกมลาและหาดบางเทา โดยให้คงจำนวนไว้ที่ 219 ลำ และในระหว่างใช้ประกาศดังกล่าวก็ได้มีการเรียกร้องของผู้ประกอบการเพื่อให้บริการเจ็ทสกีได้ตลอดไปภายในเงื่อนไขที่กำหนด และขณะนี้ระยะเวลาตามประกาศดังกล่าวก็ครบแล้วจำเป็นที่จะต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
“การให้บริการเจ็ทสกีเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างหนึ่งที่สร้างสีสันให้กับการท่องเที่ยวบริเวณชายหาด และมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่ต้องการกิจกรรมดังกล่าว ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่จะยกเลิกไม่มีการให้บริการเจ็ทสกีเลย ตามที่มีการระบุไว้ในประกาศจังหวัดภูเก็ต เรื่องมาตรการจัดระเบียบเจ็ทสกี เมื่อปี 2547 ที่จะทำให้เจ็ทสกีหมดไปจากเกาะภูเก็ต เพราะที่ก่อให้เกิดปัญหาไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้ก็เป็นเพียงส่วนน้อย และต้องคำนึงผลกระทบที่จะตามมาด้วย”
นายตรี กล่าวด้วยว่า จากการหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมก็คงจะต้องมีการเชิญผู้ประกอบการเจ็ทสกีมาหารือ และรับฟังความคิดเห็นว่าเป็นอย่างไร รวมถึงการกำหนดมาตรการในการควบคุมดูแล เพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากตามกฎหมายแล้วเจ็ทสกีจะต้องนำมาใช้ในเรื่องของการกีฬาไม่สามารถที่จะนำมาให้บริการด้านการท่องเที่ยวได้ แต่ที่ผ่านมาก็ได้มีการอนุโลม เพราะเป็นกิจกรรมที่สร้างสีสันให้กับทางท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง”
ทั้งนี้ธงที่ตั้งไว้เบื้องต้นนั้นยังคงมีการจำกัดจำนวนเจ็ทสกีเช่นเดิม ส่วนพื้นที่ให้บริการและระยะเวลาในการดำเนินการจะเพิ่มขึ้นหรือไม่อย่างไรคงต้องรับฟังความคิดเห็นก่อน รวมถึงเงื่อนไขอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมา ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องเกิดความเป็นธรรมกับฝ่าย ส่วนการควบคุมดูแลเพื่อให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดนั้นคิดว่าหากทุกฝ่ายเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของตัวเอง รวมทั้งคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมก็คงไม่มีปัญหา แต่สาเหตุที่เกิดปัญหาขึ้นเพราะมีบางอย่างแอบแฝง นายตรี กล่าว
ด้านนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธ์ หัวหน้าเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวว่า จากที่ได้มีประกาศจังหวัดเกี่ยวกับการจัดระเบียบเจ็ทสกีและการกำหนดเงื่อนไขให้เจ็ทสกีมีการทำประกันภัย ส่งผลให้ปัญหาอุบัติเหตุจากเจ็ทสกีในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาลดน้อยลง แต่ด้วยขณะนี้ประกาศจังหวัดเมื่อปี 2547 ครบกำหนดแล้วจำเป็นที่จะต้องมีการพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อไปหรือไม่อย่างไร เพื่อจะได้แจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบต่อไป
“เงื่อนไขตามประกาศจังหวัดปี 2547 ซึ่งจะต้องทำให้เจ็ทสกีหมดไปภายใน 7 ปี โดยใช้วิธีการไม่จดทะเบียนให้กับเจ็ทสกีใหม่ ซึ่งก็ไม่สามารถดำเนินการได้ 100% เนื่องจากเจ้าของเจ็ทสกีจะนำไปจดทะเบียนที่จังหวัดอื่นแทน ซึ่งในส่วนของเจ้าท่าภูเก็ตก็ไม่ได้นิ่งเฉยโดยได้ทำหนังสือแจ้งไปยังกรมเจ้าท่า เพื่อชี้แจงมาตรการของจังหวัดแล้ว และขอความร่วมมือไปยังจังหวัดอื่นๆ แต่ก็เป็นเรื่องค่อนข้างยากเพราะเมื่อมีการมายื่นเอกสารถูกต้องครบถ้วนก็จะต้องมีการรับเรื่องและดำเนินการตามระเบียบกำหนด ต่างจากจังหวัดกระบี่ซึ่งห้ามไว้ในประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่ให้มีเจ็ทสกีเลย” นายภูริพัฒน์กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น