เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 54 พ.ต.ท.ยงยุทธ์ กรองมาลัย สารวัตรเวร สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากทางร้านทองธเนศ2 ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ว่า ได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืน บุกเข้ามาจี้พนักงานภายในร้าน และกวาดทองรูปพรรณไปกว่า 200 บาท ขอให้เจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.เอกวุฒิ เสน่ห์พร ผกก.สส.ภ.จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รองผกก.ป. พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วย รองผกก.สส. พ.ต.ท.วิจักรณ์ ตารมณ์ สว.สส.เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจ และเจ้าหน้าที่วิทยาการ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพานิช 4 ชั้น ด้านหน้ากั้นห้องไว้สำหรับเปิดเป็นร้านขายทอง ส่วนด้านหลังได้จัดเป็นห้องแบ่งให้เช่า โดยมีทางเข้าออกอยู่ด้านข้าง เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึงก็พบกับนางจันทนา ธเนศธนสมบัติ อายุ 52 ปีและครอบครัวยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ จากนั้นก็ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุ พบตู้โชว์สร้อยคอทองคำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ถูกเปิดออกจำนวน 2 ตู้ ภายในตู้มีสร้อยคอทองคำถูกกระชากห้อยโตงเตงอยู่จำนวนหนึ่ง โดยมีสร้อยคอสูญหายไปเป็นจำนวนมาก ที่พื้นหลังเคาน์เตอร์พบสร้อยคอจำนวนหนึ่งตกอยู่ จากนั้นเจ้าหน้าที่วิทยาการได้เก็บลายนิ้วมือแฝงคนร้ายที่ติดอยู่กระจกบานเลื่อนบริเวณตู้โชว์ทองไว้เป็นหลักฐาน ตรวจสอบทองรูปพรรณที่หายไปจากตู้โชว์สร้อยคอทองคำมีน้ำหนักรวมไม่ต่ำกว่า 200 บาท มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท
จากการตรวจสอบพบว่ากล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ภายในร้านจำนวน 4 ตัว ซึ่งสามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ทั้งหมดขณะเกิดเหตุ คนร้ายเป็นชายวัยรุ่นอายุประมาณ 28 – 30 ปี สูงประมาณ 167 เซนติเมตร ผิวดำแดง สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาถึงเข่าสีดำ ร้องเท้าผ้าใบสีขาว สวมหมวกแก๊ป ขี่รถ จยย.ฮอนด้าคลิกสีขาว ทะเบียน ขทค 6 ภูเก็ตขับมาจอดบริเวณหน้าร้านเพียงลำพัง จากนั้นชายดังกล่าวได้มายืนอยู่ที่หน้าประตูบานเลื่อนที่ควบคุมด้วยรีโมตเปิดปิดจากภายในร้าน โดยลูกสาวเจ้าของร้านซึ่งมีอายุ 13 ปียืนอยู่ภายในร้านเพียงลำพังได้กดเปิดประตู ทำให้ชายฉกรรจ์ได้จังหวะก้าวเข้ามาภายในร้านพร้อมกับชักอาวุธปืนที่พกอยู่ที่เอวออกมาจี้บังคับลูกสาวเจ้าของร้านให้เปิดล๊อคบานเลื่อนตู้โชว์สร้อยคอทองคำหลังเคาน์เตอร์
แต่ลูกสาวเจ้าของกลับเอื้อมหยิบอาวุธปืนขนาด .38 ที่วางอยู่ในลิ้นชักตู้โชว์ทองบริเวณเคาน์เตอร์พร้อมกับจ่อไปที่ชายฉกรรจ์ โดยไม่หวั่นเกรงว่าจะถูกคนร้ายยิงสวนแต่อย่างใด ซึ่งเหตุการณ์กลับตาลปัตร คนร้ายได้คว้าปืนจากมือของลูกสาวเจ้าของร้านไปได้อย่างง่ายดายพร้อมกับใช้ปืนกระบอกดังกล่าวจ่อบังคับลูกสาวให้เปิดล๊อคตู้โชว์ทองรูปพรรณทันที จากนั้นคนร้ายได้เดินเข้าไปหลังเคาร์เตอร์และกวาดสร้อยคอทองคำที่อยู่ภายในตู้โชว์ใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเดินไปกวาดสร้อยคอทองคำที่โชว์อยู่อีกตู้หนึ่งไปด้วย จากนั้นได้เดินอย่างใจเย็นพร้อมกับสั่งให้ลูกสาวเจ้าของร้านเปิดประตูอัตโนมัติ โดยคนร้ายใช้เวลาประมาณ 4 นาที ในการปฏิบัติการ จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถ จยย.ที่จอดสตาร์ทเครื่องอยู่หน้าร้านขี่หลบหนีไปทางสี่แยกโรงฆ่าสัตว์เก่า ถ.เจ้าฟ้าตะวันออกแล้วเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปตาม ถ.อนุภาษมโนรม ต.วิชิต อ.เมืองแล้วหายไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณสี่แยกดังกล่าว พบรถ จยย.คนร้ายขี่เข้าไปภายในหมู่บ้านอนุภาษมโนรม ซ.5/3 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ตห่างจากร้านทองดังกล่าวราว 1.5 กม.สายตรวจและชุดสืบสวนได้ระดมกำลังปิดล้อมหมู่บ้าน เพื่อตรวจสอบรถ จยย.คันดังกล่าวอย่างเร่งด่วน จนกระทั่งพบรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุจอดทิ้งไว้ภายในซอย 5/3 จึงได้ปิดล้อมบริเวณจุดที่พบรถ เพื่อตรวจค้นบริเวณโดยรอบ แต่ไม่พบวี่แวว โดยมีชาวบ้านเห็นชายวัยรุ่นดังกล่าวขี่รถมาจอด จากนั้นได้มีรถกระบะฟอร์ดสีดำหรือสีน้ำเงินเข้มขับมารับไป โดยไม่มีใครรู้ว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นร้านทองแล้วหลบหนีมา จึงไม่มีใครสนใจและคิดว่าเป็นคนในหมู่บ้าน
จากการตรวจสอบรถจยย.คันดังกล่าวพบว่าผู้ครอบครองคือ น.ส.กมลวรรณ แซ่ลิ้ม อยู่บ้านเลขที่ 67/13 ถ.ราชปาทานุสรณ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก้ได้ประสานไปยังสภ.กะทู้ เพื่อทำการตรวจสอบกับเจ้าของรถคันดังกล่าว ก็ทราบว่าน.ส.กมลวรรณได้ให้เช่าไป ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดผู้เช่า เบื้องต้นคาดว่าผู้เช่าอาจใช้ชื่อปลอม จึงนำรถ จยย.กลับมาตรวจสอบเก็บลายนิ้วแฝงและหาหลักฐานต่างๆเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น