จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าอู่ซ่อมเรือสปีดโบ๊ทดังกล่าว อยู่หลังธนาคารไทยพาณิชย์สาขา ราไวย์ เป็นอู่ซ่อมเรือสปีดโบ๊ทของบริษัทนนทศักดิ์ มารีน ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยวทางทะเล พบพนักงานจำนวนหนึ่งกำลังซ่อมเรืออยู่ ที่บริเวณลานจอดรถพบรถบรรทุกน้ำมัน 6 ล้อ จำนวน 1 คัน โดยภายในรถมีน้ำมันบรรจุอยู่ในรถประมาณ 3,000 ลิตร นอกจากนั้นยังพบถังบรรจุน้ำมันขนาด 3,000 ลิตร วางอยู่ใกล้กันอีก 1 ถัง จาสกการตรวจสอบมีน้ำมันอยู่ด้านในจำนวน 2,700 ลิตร นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบพบ บริเวณลานหน้าอู่ซ่อมเรือพบบ่อน้ำมันใต้ดินขนาดใหญ่อีก 1 บ่อ ซึ่งบรรจุน้ำมันได้ 5,000 ลิตร ทางเจ้าหน้าที่จึงอายัดน้ำมันทั้งหมดรวม 10,700 ลิตร ไว้ตรวจสอบ โดยมีนายศุภกิตติ แก้วประดิษฐ์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 ถนนบางกอก ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต รับเป็นเจ้าของอู่ดังกล่าว จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.ฉลอง ดำเนินคดีในข้อหามีไว้ในครอบครอง ซึ่งสินค้า (น้ำมัน) โดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษี ตามพ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 มาตตรา 161 ซึ่งต้องโทษระหว่าง 2 – 10 เท่า ของอัตราภาษีน้ำมัน
พ.ต.ท.ศุภณัฐ รัตนภิรมย์ สว.สส.2 บก.สส.8 กล่าวว่า ในการตรวจสอบครั้งนี้ เนื่องจากชุดจับกุมได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าที่อู่ซ่อมเรือบริษัทนนทศักดิ์ มารีน ซื้อน้ำมันที่มิได้เสียภาษีเก็บไว้จำนวนกว่าหมื่นลิตร ซึ่งทำให้รัฐสูญเสียภาษีที่จะนำไปพัฒนาประเทศอย่างมหาศาล จึงได้เข้าตรวจสอบ พบว่าเจ้าของบริษัทไม่มีใบเสียภาษีมาชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ จึงควบคุมตัวและอายัดน้ำมันทั้งหมดเป็นของกลางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น