เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2555 ที่ห้องประชุมชั้น 3 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.ฉัตรชัย โปตระนันท์ ที่ปรึกษา (สบ.10 ) ด้านป้องกันปราบปราม เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดคดี 2 คนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์และทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย เหตุเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่บริเวณหาดกะตะน้อย ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต โดยมี พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 และนายตำรวจในจังหวัดภูเก็ต
ตั้งแต่ระดับชั้นผู้บังคับการ จังหวัดภูเก็ต รองผู้บังคับการจังหวัดภูเก็ต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ ชุดสืบสวนและสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต สถานีตำรวจภูธรฉลอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
พล.ต.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า รัฐบาลโดยเฉพาะรองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญและสนใจกับคดีนี้มาก และได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเข้ามาดูแลและติดตามคดีนี้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และมีการดำเนินไปถึงไหนอย่างไร ซึ่งจากที่ได้รับฟังรายงานการปฎิบัติงานคิดว่าในส่วนของตำรวจท้องที่ได้พยายามทำอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากระยะเวลายังค่อนข้างสั้นจึงอาจจะมีบางส่วนที่ยังไม่ครบถ้วน แต่ผลการทำงานก็ถือว่ามีความพอใจในระดับหนึ่ง ซึ่งตนและ ผบช.ภ.8 ได้เน้นย้ำ พร้อมเสนอแนะแนวทางเพิ่มเติมไปในหลายประเด็นที่จะดำเนินการต่อไป ทั้งในส่วนของฝ่ายสืบสวนและฝ่ายสอบสวน
“จากที่ได้รับฟังรายงานของทางตำรวจภูเก็ต เชื่อว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายได้ในไม่ช้า และในรูปของคดีก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะเท่าที่สังเกตกลุ่มคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ และไม่น่าจะเป็นแก็งค์ แต่จะมีการขับรถวนเวียนไปมาเมื่อสบโอกาสก็จะลงมือก่อเหตุ” พล.ต.อ.ฉัตรชัย กล่าว และให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.55) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะจะลงมาติดตามความคืบหน้าของคดีกล่าวด้วย
ขณะที่ พล.ต.ต.สันติ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า จากที่ได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด คิดว่าน่าจะเป็นวัยรุ่นหรือผู้ที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งสืบค้นว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีใครบ้างที่มีลักษณะตามรูปพรรณ เพราะคนร้ายมีลักษณะที่ค่อนข้างสูง ถือเป็นลักษณะเด่น ซึ่งในการติดตามหาตัวคนร้ายนั้นะต้องใช้หลายๆ อย่างในการติดตาม ดังนั้นจะต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงานสักระยะ เพราะเชื่อว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุจะเป็นผู้ที่ตระเวนไปมาในละแวกนั้น และเมื่อสบโอกาสเหมาะก็จะลงมือก่อเหตุ ส่วนมีดที่ใช้น่าจะมีติดตัวอยู่แล้ว และจะใช้เมื่อกระชากกระเป๋าไม่ขาด แต่เมื่อเจ้าทรัพย์ต่อสู้จึงให้มีดจ้วงแทงจนบาดเจ็บและเสียชีวิต
“จากพยานหลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้ มีความมั่นใจแล้ว 70% ในการติดตามตัวคนร้านมาลงโทษ ส่วนที่เหลือก็ต้องอาศัยส่วนประกอบอื่นๆ รวมไปถึงเรื่องของโชคด้วย ซึ่งก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่”
สำหรับมาตรการในการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย แต่มีอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมีไม่เพียงพอรองรับประชากรที่มีจำนวนมาก ซึ่ง พล.ต.ต.สันติ กล่าวว่า ได้มีการกำชับเรื่องของมาตรการในการดูแลคามปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว และนายกรัฐมนตรีเองก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการที่จะต้องบูรณาการหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อกล้องซีซีทีวีติดตั้งตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เป็นกล้องที่มีความเหมาะสมและมีคุณภาพที่สามารถนำมาประกอบในการค้นหาติดตามจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุได้ และล่าสุดรองนายกรัฐมนตรี นายเฉลิม อยู่บำรุง ได้มีการเรียกประชุมและเน้นย้ำในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากเราทำกันอย่างจริงจังและต่อเนื่องก็จะส่งผลดีเป็นอย่างมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มที่ภูเก็ตก่อน เพราะเป็นแหล่งทำรายได้เข้าประเทศไทยในลำดับต้นๆ ดังนั้นหากนักท่องเที่ยวขาดความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินก็อาจจะไม่เดินทางมาท่องเที่ยวซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยด้วย ส่วนปัญหากำลังเจ้าหน้าที่ไม่พอเพียง และการเพิ่มสถานีตำรวจนั้นก็จะได้ไปผลักดันต่อไป ซึ่งการแก้ปัญหาในปัจจุบันนอกจากกำลังเจ้าหน้าที่แล้วยังได้มีการใช้อาสาสมัครต่างๆ ด้วย จึงทำให้คดีต่างๆ คลี่คลายไปได้ด้วยดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น