จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

ปปท.ลงตรวจสอบออกเอกสารสิทธิไม่ชอบในภูเก็ต




เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2555 พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการร้องเรียนเรื่องการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ผ่านสายด่วน 1206 ของสำนักงาน ป.ป.ท. จำนวน 4 แปลง เพื่อตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน ก่อนนำเสนอให้คณะอนุกรรมการ ป.ป.ท.รับคดีไว้ไต่สวน เนื่องจากการตรวจสอบของงเจ้าหน้าที่พบว่าน่าจะมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ตั้งแต่ชั้นการนำ ส.ค.1 จากที่อื่นมาสวมทับ ขอออก น.ส.3 ก. และนำไปสู่การออกเป็นโฉนดที่ดิน ซึ่งมีทั้งพื้นที่ที่เป็นป่าสมบูรณ์ ที่ดินซึ่งเคยมีการยื่นออกหนังสือสำคัญที่หลวง ที่ดินซึ่งมีความลาดชันติดริมทะเล และการอนุญาตก่อสร้างโดยไม่มีแบบแปลน


โดยแปลงแรกเป็นการพยายามออกโฉนดที่ดินข้างสนามกอล์ฟล็อคปาล์ม อ.กะทู้ โดยการนำน.ส.3 ก.มาขอออกโฉนดที่ดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้และช่างรังวัดที่ดินรายงานว่ามีสภาพเป็นเขาสูงชัน ไม่มีการทำประโยชน์ เมื่อไม่มีการครอบครองและทำประโยชน์จะทำให้ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 แม้จะมี น.ส.3 ก.ก็ตาม และสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต อ้างว่าควรรอการตรวจสอบของ ป.ป.ท.ก่อน ประกอบกับที่ดินไม่มีการทำประโยชน์ รวมทั้งได้รายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพราะที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลา แต่รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตรักษาราชการแทนผู้ว่าฯ อนุมัติให้ออกโฉนดที่ดิน เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ 


โดยอ้างว่าน.ส.3 ก.ยังไม่ถูกเพิกถอนย่อมมีสิทธิตามกฎหมายที่จะออกโฉนดที่ดิน แต่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตไม่ยอมลงนามในโฉนดที่ดินเพราะจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ และสำนักงาน ป.ป.ท. ยังพบว่าการออกน.ส. 3 ก.ไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิสูจน์ที่ดินตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 เพราะที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลา และพบว่าที่ดินแปลงนี้นายสุนทร ชูแสง เจ้าของที่ดินเดิมได้เคยยื่นขอสัมปทานเหมืองแร่ และระบุในสัมปทานว่าเป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติกมลา 


แปลงที่ 2 การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 14479 หน้าสำรวจ 4722 ตั้งอยู่บริเวณควนหินตั้ง หมู่ที่ 5 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ เนื้อที่กว่า 2 ไร่ จากการตรวจสอบพบว่ามีการปลอมใบแทนส.ค.1 เลขที่ 357 หมู่ที่ 1 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ซึ่งอ้างว่า ชำรุดที่บริเวณแนวเขตที่ดิน และมีการออกส.ค.1 ใบใหม่ขึ้นมาทดแทน เพื่อให้มีที่ข้างเคียงติดทะเล และนำมาออกโฉนด หรือที่เรียกว่า ส.ค.บิน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบพบว่า บริเวณที่ดินดังกล่าวได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นที่สงวนเลี้ยงสัตว์ควนหินตั้งเนื้อที่ 180 ไร่ เมื่อปี 2480 


ซึ่งไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ และเมื่อปี 2552 ทางอำเภอกะทู้ และเทศบาลเมืองป่าตองได้ยื่นขอรังวัดออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง หรือ น.ส.ล.ไว้ด้วยแ ละเมื่อพบว่าที่ดินแปลงนี้มีการยื่นขอรังวัดออก น.ส.ล. ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ จึงมีความพยายามเพื่อที่จะทำให้ที่ดินอยู่นอกเขตพื้นที่ที่มีการรังวัดขอออก น.ส.ล. โดยการร่วมมือของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งรับรองว่าที่ดินอยู่นอกพื้นที่การรังวัดขอออก น.ส.ล. 


ขณะเดียวกันในการตรวจสอบได้มีนายวีระชัย ทองหอม อายุ 53 ปี อ้างว่าเป็นทายาทเจ้าของส.ค.1 เลขที่ 357 มายืนยันว่า นายแก้ว ทองหอมซึ่งเป็นเจ้าของส.ค.1ดังกล่าว ไม่เคยมีที่ดินอยู่ในบริเวณควนหิน หรือที่ดินที่ติดทะเล และส.ค.1 ก็อยู่ในพื้นที่หมู่ 1 ซอยโคนยาง โดยได้ไปขอคัดสำเนามาและยืนยันว่าส.ค.1 เลขที่ 357 ไม่ได้อยู่ที่บริเวณควนหินตั้งแน่นอน และก่อนหน้านี้เคยมีคนมาแจ้งให้ญาติเซ็นต์โอนส.ค.1ดังกล่าวให้ แต่ยังไม่ได้เซ็นต์เพราะไม่รู้ว่าที่ดินอยู่บริเวณใด 


แปลงที่ 3 เป็นการตรวจสอบการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยและโรงแรมหรูบริเวณนาคาเล ซึ่งได้การออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารโดยองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา และทาง ป.ป.ท.มีการตรวจพบว่าไม่มีการดำเนินการตามระเบียบกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างได้ เพราะระยะติดชายฝั่งทะเล และเป็นพื้นที่มีความลาดชัน ต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่การออกใบอนุญาตลงนามโดยอดีตนายก อบต.กมลา ไม่ผ่านการตรวจพื้นที่และการพิจารณาของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด 


และปัจจุบันมีการขุดภูเขาเพื่อสร้างโรงแรมโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย นอกจากนี้ยังพบว่ามีการนำ ส.ค.1 เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ซึ่งระบุชื่อนายแก้ว ทองหอม เป็นเจ้าของออกเป็นโฉนดเนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ แต่ทายาทของนายแก้วยืนยันว่าไม่น่าจะใช่ เพราะที่ดินของนายแก้วไม่มีที่ตั้งติดทะเล ซึ่งทาง เลขา ป.ป.ท.สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของ ส.ค.1 ที่นำมาใช้ออกโฉนดและให้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และนายก อบต.กมลา ให้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัด 

 
แปลงที่ 4 ตรวจสอบที่ดินซึ่งการออกเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก.เลขที่ 1723,1724 ต.กมลา อ.กะทู้ ซึ่งพบว่าที่ดินมีสภาพเป็นเขาสูงชัน เป็นป่ารกทึบ ติดทะเลตลอดแนว บริเวณป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลา และปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกโฉนดที่ดิน และการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก.น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะจากภาพถ่ายทางอากาศเมื่อปี พ.ศ. 2519 ที่ดินไม่มีการทำประโยชน์อยู่จริง และปัจจุบันยังมีสภาพเป็นป่ารกทึบไม่มีการทำประโยชน์ 


จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิ์ได้ และเป็นการออกเอกสารสิทธิ์น.ส. 3 ก.ในระวางโฉนดที่ดิน ซึ่งไม่สามารถออกน.ส.3ก.ได้ ตามระเบียบกฎหมายห้ามมิให้ออกน.ส.3 ก.ในระวางโฉนดที่ดินเว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากอธิบดีกรมที่ดิน โดยผู้ร้องเรียนระบุว่าก่อนนี้เคยมีดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบแต่เรื่องเงียบหายไป และมีการอ้างด้วยว่ามีผู้อ้างว่าสนิทกับคนในรัฐบาลพยายามวิ่งเต้นไม่ให้ ป.ป.ท.เข้าไปตรวจสอบ เนื่องจากอยู่ระหว่างการยื่นก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรูมูลค่านับร้อยล้านบาท 


อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวด้วยว่า ปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยไม่ถูกต้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางปปท.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิที่ดิน และเมื่อพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะส่งเรื่องให้ ปปช. ดำเนินการต่อ ซึ่งที่ผ่านก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว แต่ก็ต้องขอบคุฯเจ้าหน้าที่รัฐบางรายที่ยังมีหัวใจสีขาว และได้ทำบันทึกให้รอการตรวจสอบของปปท.ก่อนที่จะออกเอกสิทธิที่ดิน รวมทั้งมีการให้เบาะแสข้อมูลเพิ่มเติม แม้ว่าตนจะพ้นจากตำแหน่งเลขา ปปท.แล้ว แต่มันใจว่าด้วยมาตรฐานที่ทำมานั้นผู้ที่มารับตำแหน่งใหม่ก็จะต้องมีการดำเนินการต่อ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะถูกตรวจสอบโยภาคประชาชน รวมทั้งในบางประเด็นก็มีการดำเนินการไปตามกระบวนการของกฎหมายก้าวหน้าค่อนข้างมากและไม่สามารถหยุดได้แล้ว นอกจากนี้ตนก็ยังได้สมัครเป็นสมาชิกภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริต 47 ภาคีด้วย จึงเชื่อมั่นว่าการตรวจสอบต่างๆ จะยังสามารถดำเนินการต่อไป 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น