เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2555 ที่ห้องประชุมศูนย์อำนวยการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิและปราบปรามการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายนริศ ขำนุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายกูอาเซ็ม กูจินามิง โฆษกและคณะที่ปรึกษา นักวิชาการและเลขานุการ รวม 9 คน ร่วมศึกษาดูงานและรับฟังบรรยายสรุปความคืบหน้าการตรวจสอบการบุกรุกครอบครองและออกเอกสารสิทธิ
ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ เพื่อสร้างโรงแรม และรีสอร์ทหรู หลังจากนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
มอบหมายสั่งการให้เจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์จำนวน 10 แห่งทั่วประเทศ เข้าตรวจสอบที่ดินแปลงต่างๆ ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาจนสามารถแจ้งความกล่าวโทษพนักงานเจ้าหน้าที่และข้าราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจำนวนหนึ่ง โดยมีนายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช,นายสุนทร วัชระกุลดิลก ที่ปรึกษาอธิบดีฯ, นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ, นายวัชรา บัวตอง ที่ดินจังหวัดภูเก็ต ส่วนแยกอำเภอถลาง, นายวิโรจน์ สุวรรณวงค์ ป้องกันจังหวัดภูเก็ตและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมชี้แจง ซึ่งภายหลังรับฟังบรรยายสรุปแล้วทางคณะได้ลงตรวจสอบพื้นที่แปลงโรงแรมเพนนิซูล่า สปา แอนด์รีสอร์ทด้วย
นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่า อธิบดีฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่ต่างๆ เข้ามาดำเนินการตรวจสอบการบุกรุกออกเอกสารสิทธิในพื้นที่อุทยานฯ สิรินาถ จำนวนประมาณ 10 แปลง มาได้ประมาณเดือนเศษ ซึ่งผลจากการตรวจสอบได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า เอกสารสิทธิหลายแปลงน่าจะออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีการนำ สค.1 ใบเดียว ไปใช้ออกเอกสารในที่ดินจำนวนหลายแปลง และบางแปลงก็มีการเพิ่มจำนวนเกินกว่าที่ระบุไว้ในสค.1 และเอกสารสิทธิบางฉบับก็มีการใช้ สค.1 จากที่อื่นมาสวมทับ หรือที่เรียกว่า สค.1 บิน โดยขณะนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานฯไปแล้ว 10 แปลง และอยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 3 แปลง นอกจากนี้อธิบดีฯ ยังได้แต่งตั้งชุดทำงานอีก 366 ชุดลงมาตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิในที่อุทยานฯ เนื้อที่รวมประมาณ 3,000 กว่าไร่ คาดว่าจะสามารถลงมาทำงานได้ในเดือนตุลาคมนี้
ขณะที่นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ กล่าวชี้แจงถึงความคืบหน้าของการดำเนินการตรวจสอบเอกสารสิทธิที่มีการออกในเขตอุทยานฯ ว่า ขณะนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 10 แปลง ซึ่งเป็นการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และอยู่ระหว่างการดำเนินการเพิ่มเติมอีก 3 แปลง ประกอบด้วย แปลงโครงการมาลัยวนา แปลงโครงการอีสทาน่า และโครงการบ้านฝรั่ง ซึ่งได้ตรวจสอบพื้นที่ รังวัดแนวขอบเขตเสร็จแล้ว คงเหลือขั้นตอนตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำคู่ขนานไปกับการส่งข้อมูลให้ผู้เชี่ยวชาญภาพถ่ายได้แปรภาพ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในเร็วๆนี้
ด้านนายวัชระ บัวทอง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ส่วนแยกอำเภอถลาง กล่าวชี้แจงเกี่ยวกับขั้นตอนการออกเอกสารสิทธิ ว่า หลังจากย้ายมาดำรงตำแหน่งก็ได้ดำเนินการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินทั้ง 10 แปลงคู่ขนานไปกับทางอุทยานฯ ซึ่งข้อมูลที่ได้มาก็เป็นข้อมูลเดียวกัน โดยที่ดินทุกแปลงอยู่ในเขตป่าไม้เดิม คือ ป่าเขารวกเขาเมือง ขณะนั้นยังไม่ได้ประกาศเป็นเขตอุทยาน ป่าเขารวกเขาเมือง โดยได้ประกาศเมื่อปี 2507 และประกาศเป็นเขตอุทยานฯ เมื่อปี 2524 ความเป็นมาเวลาออกเอกสารสิทธิ ออก นส.3 หรือว่า นส.3 ก ที่ดิน 10 กว่าแปลงนี้ ออกโดยอาศัยหลักฐานเอกสารที่มีอยู่เดิมทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามนายนริส ขำนุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวภายหลังการรับฟังการชี้แจ้งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า การตรวจสอบของกรมอุทยานฯ มีคืบหน้าไปมาก แต่ยังมีข้อโต้แย้งจากหลายฝ่าย ซึ่งเท่าที่ได้รับฟังพบว่า เอกสารสิทธิทุกแปลงที่มีการออกมานั้นจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้นในส่วนของข้อโต้แย้งต่างๆ จึงเห็นว่าควรนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจะเป็นการดีที่สุด เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องเป้ฯจำนวนมาก และคิดว่าการออกเอกสารสิทธิทั้งหมดทำกันเป็นกระบวนการ เพราะบางแปลงมีข้อเท็จจริงที่ค่อนข้างแน่ชัดว่าไม่น่าจะออกได้ โดยในส่วนของปลายทางก็ต้องออกตามต้นทางที่มีการรับรองมา
“การระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาทำงานถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม และจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำงานอีก 366 ชุด ซึ่งเมื่อทำงานที่ภูเก็ตเสร็จก็จะได้มีประสบการณ์ และนำไปใช้ดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป เพราะปัญหาการบุกรุกพื้นที่อุทยานไม่ได้มีเฉพาะภูเก็ตเท่านั้น แต่ที่อื่นๆ อาจจะไม่ใหญ่เท่ากับภูเก็ต ดังนั้นคิดว่าน่าจะมีการสรุปแนวทางและประสบการณ์ที่ได้นำไปใช้ตรวจสอบปัญหาดังกล่าวในอุทยานอื่นๆ ด้วย รวมทั้งอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบที่ดินอีก 3 แปลงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไม่ใช่ว่าพออธิบดีเกษียณแล้ว การตรวจสอบจะทำไปเรื่อยๆ เพราะการตรวจสอบ 10 แปลงแรกใช้เวลาเพียงเดือนเศษ ฉะนั้นอีกเพียง 3 แปลงก็ไม่น่าจะใช้เวลานาน”
ทั้งนี้ทางกรรมาธิการฯ ได้ฝากให้กรมอุทยานฯ จัดทำรังวัดแนวเขตอุทยานฯ ให้มีความชัดเจน และให้ตรวจสอบการดำเนินงานของกรมอุทยานฯ เองด้วย เช่น โครงการปลูกป่าไม้ถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งพบว่ามีบางส่วนถูกทำลาย เป็นต้น ก่อนที่จะมีโครงการปลูกป่าระยะที่ 2 ต่อไป
ในส่วนของนายสุนทร วัชระกุลดิลก ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวภายหลังการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ ว่า การตรวจสอบการบุกรุกและออกเอกสารสิทธิในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถได้พบพยานหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งในบางประเด็นไม่สามารถเปิดเผย เพราะเกรงจะเสียรูปคดี โดยเฉพาะที่ดินทั้ง 10 แปลงซึ่งได้รับคำสั่งจากอธิบดีให้มีการตรวจสอบรายละเอียดที่เกี่ยวข้องนั้น พบว่าส่วนใหญ่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และยืนยันว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนไม่ใช่เป็นการพูดลอยๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น