จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

พ่อเมืองภูเก็ตแนะหลักคิด 7 ประการในวันตำรวจ



เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2555 ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ด้านหน้าตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการประกอบพิธีเนื่องในวันตำรวจแห่งชาติ ประจำปี 2555 ซึ่งกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตภายใต้การนำของ พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดยมีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต เขตเลือกตั้งที่ 1 น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต
ผู้แทนส่วนราชการทหาร ตำรวจ ตุลาการ กต.ตร.ภูเก็ต องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนเข้าร่วม


สำหรับกิจกรรม ประกอบด้วย การประกอบพิธีทางศาสนาเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับข้าราชการตำรวจที่ล่วงลับไปแล้ว การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ และการกล่าวคำสัตย์ปฎิญาณ อุดมคติของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ตที่เข้าร่วมพิธี นอกจากนี้ยังได้มีอ่านสารเนื่องในวันตำรวจแห่งชาติของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ การมอบประกาศเกียรติคุณให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีผลงานดีเด่นด้านการป้องกันปราบปรามจำนวน 10 นาย ด้านการบริการประชาชน 8 นาย ด้านการปราบปรามยาเสพติดดีเด่น 9 นายพนักงานสอบสวนดีเด่น 3 นาย และด้านงานอำนวยการดีเด่น 2 นาย รวมทั้งยังได้มอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานข้าราชการ และมอบถ้วยรางวัลจากการแข่งขันกีฬาเนื่องในวันตำรวจด้วย 


ทั้งนี้นายไมตรี ได้กล่าวให้โอวาทแก่ข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ว่า การทำงานของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ว่า ได้มีการทำหน้าที่ของความเป็นตำรวจสมเกียรติยศ ภาคภูมิ ศักดิ์ศรีและสมใจนึกของพี่น้องประชาชน ด้วยได้ตรากตรำฝันฝ่ากับปัญหารอบด้านโดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นมหานครแห่งการท่องเที่ยวและมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเยือนเป็นจำนวนมา และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ


ตำรวจภูธรทำงานรอบทิศต่างจากตำรวจเฉพาะกิจที่ทำงานภารกิจเดียวความเสี่ยงน้อยกว่า ชื่อเสียน้อยกว่า ขณะที่ตำรวจภูธรทำงานหนัก เสี่ยงแต่เสมอตัว ในนามของพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวขอขอบคุณเม็ดเหงื่อและดอกเหงื่อของตำรวจภูเก็ตทุกนายไว้ด้วย หวังว่าจะได้มีการทำงานร่วมกับฝ่ายปกครอง ภาคประชาสังคมและ กต.ตร. โดยติดทองหลังองค์พระปฎิมา ยอมเป็นเทียนไข เพื่อความสุขสว่างของผู้อื่น จะต้องทำงานอย่างมืออาชีพบวกกับความเป็นสากล จะต้องมีหิริโอตับปะ เกรงกลัวต่อบาปละอายต่อบาป จะทำงานถึงพร้อมด้วยความเมตตากรุณาโดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสมากกว่า ในการเข้าถึง 3-4 ปลอด ได้แก่ ปลอดจากยาเสพติด ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า ปลอดจากอบายมุขและปลอดจากการเอารัดเอาเปรียบ 


อย่างไรก็ตามขอฝากข้อคิดไว้นำไปประดับกายและใจ 7 ประการ ได้แก่ 1. ขอให้ยึดถือว่าหน้าที่ คือ ชีวิต 2. สุจริตเป็นเกราะบัง โดยมีหิริโอตับปะ ยึดถือความสุจริตสัตย์ซื่อเป็นอาภรณ์ที่สำคัญไปตลอดชีวิตราชการ 3.ปัญญาเป็นอาวุธ โดยขับเคลื่อนการทำงานด้วยพลังปัญญา คิดก่อนทำ ก่อนพูด ใคร่ครวญรอบคอบรอบด้าน 4. จิตอาสาเป็นอาภรณ์ ดังที่ปฏิบัติอยู่ ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ไม่หวั่นไหวต่อภัยอันตราย 5. วินัย เป็นเครื่องปฏิบัติการกำกับ ซึ่งอยู่ในสายเลือดของตำรวจอยู่แล้ว ขอให้เดินทางตรง เดินตรงทาง เดินตรงกลางและเดินตัวตรง 6. ขอให้มีสุจิปุริ เมืองสากลต้องฟังคิดถามเขียนและจดบันทึก ใคร่ครวญ ศึกษา และ 7 ขอให้ยึดพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ตั้ง นิยมความพอเพียงและเพียงพอ ยืนอยู่บนความสมดุล มีภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะทำให้เป็นตำรวจที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีครบถ้วนสมบูรณ์ นายไมตรีกล่าว 






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น