เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2555 ขณะที่เรือ 814 หรือเรือคุณพุ่ม ตำรวจน้ำภูเก็ต กำลังลาดตะเวนอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณหน้าเกาะตะเภาใหญ่ ตรงข้ามท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยการอำนวยการของ พ.ต.ท.ฤทธี เผ่าพันธุ์ สารวัตรตำรวจน้ำภูเก็ต และพ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ สารวัตรประจำเรือ ต. 814 (หรือเรือคุณพุ่ม)
เห็นมีควันไฟพวยพุ่งออกมาจากบริเวณสะพานเดินเรือของเรือ “กันธิชา” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกแก๊สแอลพีจีหรือแก๊สหุงต้ม จึงได้เข้าไปตรวจสอบและพบลูกเรือ 1 คน ทราบชื่อคือ นายภานุรัตน์ รักษ์ชน อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลข 72/3 หมู่ 7 ต.คลองเขิน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โบกมือขอความช่วยเหลือ จึงรับขึ้นเรือ พร้อมกันนั้นได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ พร้อมประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าทำการดับเพลิง
อย่างไรหลังรับทราบ พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รองผู้กำกับการตำรวจน้ำภูเก็ต พร้อมพ.ต.ท.ฤทธี เผ่าพันธุ์ สารวัตรตำรวจน้ำภูเก็ต พ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ สารวัตรประจำเรือ 814 (เรือคุณพุ่ม) ทหารเรือ นำเรือ ต. 814 ไปคอยอำนวยความสะดวก และแจ้งให้เรือที่อยู่บริเวณใกล้เคียงทราบ นอกจากนี้ทางศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 3 ภายใต้การสั่งการของ พล.ร.ท.ธราธร ขจิตสุวรรณ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 สั่งการให้เรือ ต.991
และเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษเข้าบูรณาการดับเพลิง ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูเก็ต เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงเทศบาลตำบลวิชิต และเจ้าหน้าที่ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต นำเรือเข้าไปทำการดับเพลิงและสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้วเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.
สำหรับเรือกันทิชา หมายเลขทะเบียน 550001467 จดทะเบียนที่กรุงเทพมหานคร เป็นเรือบรรทุกแก๊สเหลว ของบริษัท อยุธยาดิเวลลอปเม้นท์ ลิชซิ่ง จำกัด มีความยาวประมาณ 84 เมตร กว้าง 14 เมตร โดยได้มาจอดลอยลำอยู่หน้าเกาะตะเภาใหญ่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ภายในเรือไม่มีแก๊สแต่อย่างใด ทราบว่าอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขาย
จากการสอบถามนายภานุรัตน์ รักษ์ชน อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลข 72/3 หมู่ 7 ต.คลองเขิน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ช่างซ่อมเรือ และอยู่ในเรือลำดังกล่าวขณะเกิดเหตุเพียงลำพัง เล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่เขากำลังซ่อมเครื่องยนต์อยู่บนบริเวณห้องเครื่องยนต์ใหญ่ด้านท้ายเรือ ได้กลิ่นไหม้และมีควันไฟออกมาจากบริเวณห้องสื่อสารซึ่งอยู่บริเวณชั้นสองของเรือ และพยายามจะเข้าไปดับเพลิงแต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีควันออกมาเป็นจำนวนมาก จึงรีบวิ่งออกมาขอความช่วย
“เรือลำนี้มาจอดลอยลำอยู่เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเพื่อรอขาย โดยปกติก็จะมีคนเฝ้าเรืออยู่ครั้งละ 3-4 คนสลับกันเฝ้า เมื่อสองวันก่อนเกิดเหตุตนได้รับแจ้งจากหัวหน้าว่าให้มาซ่อมเครื่องยนต์ ซึ่งซ่อมเสร็จไปเมื่อวานนี้ (6 ต.ค.) และวันนี้ก็มาทำการเก็บสิ่งของต่าง ๆ จนกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าว”
นายภานุรัตน์ กล่าวยืนยันว่า ภายในเรือไม่มีแก๊สแอลพีจีอยู่แล้ว เพราะเรืออยู่ระหว่างรอขาย จะมีเพียงน้ำมันเตาประมาณ 5,000 ลิตร และน้ำมันดีเซลประมาณ 200 ลิตร นอกจากนั้นยังมีพลุที่ไว้จุดส่งสัญญาณขอความช่วยเหลืออีกเล็กน้อย ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ตนคิดว่าน่าจะมีการสปาร์คที่ห้องสื่อสาร เพราะเท่าที่ตรวจสอบพบว่า สายไฟต่างๆ ค่อนข้างจะชำรุด แต่สาเหตุที่แท้จริงคงต้องตรวจสอบอีกครั้ง
ขณะที่พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รองผู้กำกับการตำรวจน้ำภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการประสานไปยังเจ้าของเรือเพื่อให้เข้ามาทำการตรวจสอบความเสียหายว่ามีอะไรบ้าง ดังนั้นจึงยังไม่สามารถที่จะประเมินได้ว่าความเสียหายมีมากน้อยเพียงใด เพราะยังไม่ทราบว่าภายในเรือมีอะไรเสียหายบ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น