เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2556 ที่ห้องประชุม ศปก. สภ.กะรน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิทูรย์ กองสุดใจ รอง ผบก.ภูเก็ต พ.ต.อ.วันชัย ปาละวัน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.ท.ชนะ สุทธิมาศ รองผกก.ส.สภ.กะรน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ได้ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคนร้ายก่อเหตุวางยาพนักงานโรงแรมกะรนเพลส ถ.ปฎัฎ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต
พร้อมงัดล็อคเกอร์ ซึ่งใช้สำหรับเก็บสิ่งของมีค่าของผู้เข้าพักจำนวน 21 ล๊อคเกอร์เอาทรัพย์ไปได้จำนวนร่วม 3 ล้านบาท และขโมยเอาเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดไปด้วย เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำนายสยาม คำยา พนักงานต้อนรับทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมกะรนเพลส นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวอีก 39 ราย ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่อยู่ในล๊อดเกอร์ทั้ง 21 ตู้ มีทรัพย์สินสูญหายไปประมาณ 3.1 ล้านบาท หนังสือเดินทางจำนวน 30 เล่ม นอกจากนี้ยังมีเอกสารอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ประกอบด้วยชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภ.จว.ภูเก็ตและเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.กะรน ได้ลงพื้นที่ เพื่อทำการสืบสวนสอบสวน
จนกระทั่งทราบจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ป่าตอง ว่า คนร้ายรายนี้เป็นชาวตุรกี สัญชาติเดนมาร์ค ได้พักอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลป่าตอง พร้อมทั้งเช่ารถจักรยานยนต์ในพื้นที่ป่าตอง ออกตระเวนหาเหยื่อ โดยการกระทำในครั้งนี้คนร้ายได้แจ้งชื่อไว้กับทางที่พัก และร้านเช่ารถเป็นคนละชื่อ และจากการสืบสวนต่อก็ทราบว่า คนร้ายรายนี้จะให้ชื่อกับสถานประกอบการต่างๆ จำนวนทั้ง 4 ชื่อ คือนายฟิลิปเปส (Pheilpes) หรือโรเบิร์ต (Robert) หรือไมเคิล (Michal) หรือโทนี่ (Tony) โดยทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ภาพสะเก็ดของคนร้ายจากภาพวงจรปิด
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอออกหมายจับจากศาลภูเก็ต ซึ่งทางศาลจังหวัดภูเก็ตก็ได้อนุมัติหมายจับเลขที่ 24/2556 ลงวันที่ 18 มกราคม 2556 เพื่อจับกุมตัวนายฟิลิปเปส (Pheilpes) หรือ โรเบิร์ต (Robert) หรือ ไมเคิล (Michal) หรือ โทนี่ (Tony) ในข้อหาลักทรัพย์ของผู้อื่นในเคหะสถาน ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกในการกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
พ.ต.อ.อรุณ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ยังกล่าวอีกว่า ขอฝากไปยังผู้ประกอบการทุกราย เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยคนร้ายก็จะเข้ามาแอบแฝงในรูปของนักท่องเที่ยว จากนั้นก็จะตระเวนหาที่พักที่มีการรักษาความปลอดภัยไม่เข้มแข็ง แล้วจะเข้าไปตีสนิท แล้วจะสอบถามราคาห้องพัก และบอกพนักงานว่ามีความพึงพอใจที่พักแห่งนี้ อาจจะย้ายมาพักที่นี้ จากนั้นคนร้ายก็ได้กลับไปพร้อมทั้งหาเวลาที่ปลอดจากผู้คนลงมือ
ฉะนั้นผู้ประกอบการก็ต้องรัดกุมในการรับนักท่องเที่ยวเข้าพัก พร้อมทั้งแจ้งพนักงานให้ทราบถึงขั้นตอนต่างๆ ของการลงมือของคนร้ายรายนี้ ซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็จะต้องจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ให้ได้โดยเร็ว เพราะหากคนร้ายยังลอยนวลก็จทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตเสียหายได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น