เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2556 ที่ห้องรับรองศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นางพรพินิจ พัฒนสุวรรณา นายกสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายโชติอนันต์ พิสูจน์วิมล นายกสมาคมธรรมศาสตร์ภูเก็ต และตัวแทนสมาชิกของทั้งสองสมาคม ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกแสดงเจตนาร่วมคัดค้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมผ่านทางนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ไปยังรัฐบาล
สำหรับเนื้อหาของจดหมายฉบับดังกล่าว ระบุว่า อ้างถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 โดยมีเนื้อหาให้นิรโทษกรรมแก่บรรดาการกระทำผิดทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิด
โดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ.2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะกระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ การบัญญัติดังกล่าวข้างต้นไม่เพียงแต่เป็นการยกเว้นความผิดและโทษให้แก่การกระทำในทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการกระทำในลักษณะการทุจริตคอรัปชั่นด้วย
มติดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่มีเนื้อหา และมาตรการปรับใช้กฎหมายที่บิดเบือนจิตสำนึกตลอดจนศีลธรรมอันดีที่เป็นหลักคำสอนให้เยาวชนประพฤติปฏิบัติกันมาช้านาน เท่ากับเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องขึ้นในสังคมไทย ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่า การทุจริตคอรัปชั่นมิใช่สิ่งร้ายแรง ซึ่งสามารถหลุดพ้นจากความรับผิดได้ด้วยการนิรโทษกรรม ทั้งที่การทุจริตคอรัปชั่นนั้น เป็นเรื่องร้ายแรงและทำร้ายสังคมไทย ทำร้ายประเทศไทยมาโดยตลอด
ทางสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดภูเก็ต และสมาคมธรรมศาสตร์ภูเก็ต จึงได้ร่วมพิจารณาและมีมติเห็นตรงกันว่า การรณรงค์ต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งต่อประเทศไทย เป็นสิ่งที่สถาบันอุดมศึกษาต่างมุ่งมั่นปลูกฝังให้เหล่านิสิต นักศึกษา มีจิตสำนึก อันดีต่อประเทศชาติ เพื่อที่จะได้ดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง และสร้างคุณประโยชน์ต่อประเทศและสังคมอย่างเต็มภาคภูมิใจ
เพื่อที่จะได้ดำรงไว้ซึ่งความถูกต้องและสร้างคุณประโยชน์อย่างเต็มภาคภูมิ ดังจะเห็นได้จากการจัดโครงการ “บัณฑิตไทยไม่โกง” ซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตลอด ปี พ.ศ.2556 ซึ่งการรณรงค์ดังกล่าวจะประสบความสำเร็จได้ดีต่อเมื่อมีตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าคนที่กระทำการทุจริตคอรัปชั่น จะต้องถูกลงโทษโดยไม่มีการนิรโทษกรรม
ดังนั้นทางสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดภูเก็ต และสมาคมธรรมศาสตร์ภูเก็ต จึงขอแสดงเจตนารมณ์คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ศ.2556 เป็นลายลักษณ์อักษรให้ประจักษ์ทราบโดยทั่วกัน
อย่างไรก็ตามนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะนำจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวที่สะท้อนเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของทั้งสองสมาคมดังกล่าวนำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อทราบต่อไป และขอบคุณที่มาพบตามช่องทาง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น