เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2557 ที่ศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งทางคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต (กกต.ภูเก็ต) ได้กำหนดให้เป็นสถานที่ในการรับสมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จังหวัดภูเก็ต ในระหว่างวันที่ 4 – 8 มีนาคม 2557 บรรยากาศในช่วงเช้า มีผู้สนใจมาลงสมัครรับเลือกตั้งและรายงานตัวก่อนเวลารับสมัคร คือ เวลา 08.30 น. จำนวน 5 คน
ประกอบด้วย
นายบำรุง รุ่งเรือง, นายทรงวุฒิ หงษ์หยก, นายมาโนช พันธ์ฉลาด, นายชัยเยนทร์ เมืองแมน และนายชัยยศ ปัญญาไวย ในขณะเดียวกันก็มีกลุ่มกบฏรักชาติภูเก็ต นำโดยนายสุรทิน เลี่ยนอุดม และนายสัญญา ศรีเมือง นำมวลชนมาให้กำลังใจผู้สมัครฯ ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ภายใต้การอำนวยการของนายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ ประธาน กกต.ภูเก็ต และคณะกรรมการ ทั้งนี้ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 15 นาย มาดูแลรักษาความเรียบร้อย
แต่เนื่องจากมีผู้ลงสมัครฯ มาก่อนเวลาเปิดรับสมัครทั้ง 5 ราย ทางนายกิตติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผู้อำนวยการประจำ กกต.ภูเก็ต ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้สมัครเกี่ยวกับขั้นตอนการจับหมายเลขประจำตัว ซึ่งผลปรากฏว่า ผู้ได้หมายเลขประจำตัว
หมายเลข 1 ได้แก่ นายบำรุง รุ่งเรือง อาชีพทนายความ
หมายเลข 2 นายชัยยศ ปัญญาไวย อาชีพทนาย และเป็นประธานสภาทนายความ
หมายเลข 3 นายทรงวุฒิ หงส์หยก อดีตสมาชิกสภาเทศบาลนครภูเก็ต อดีตสมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต
หมายเลข 4 นายชัยเยนทร์ เมืองแมน ข้าราชการบำนาญ
หมายเลข 5 นายมาโนช พันธ์ฉลาด อดีตนายกอบต.เชิงทะเล อดีตสมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต
ทางด้านนายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการเปิดรับสมัคร สว.ภูเก็ตว่า บรรยากาศการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และจากการติดตามสถานการณ์มาเป็นระยะมั่นใจว่าไม่น่าจะมีปัญหา ขณะนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมในส่วนของการจัดการเลือกตั้งซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 30 มีนาคมนี้เรียบร้อยแล้ว
โดยประสานกับทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ในการจัดหาเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งซึ่งไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ส่วนของการประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งนั้นก็จะใช้สื่อต่างๆ ทุกรูปแบบ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับทราบอย่างทั่วถึง และคาดว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิไม่ต่ำกว่า 60 % ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งมีประมาณ 260,000 คน
สำหรับผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้ง 5 หมายเลข ซึ่งมีอาชีพนักวิชาการ นักกฎหมาย ข้าราชการบำนาญ รวมถึงอดีตนักการเมืองท้องถิ่น ต่างระบุว่า มีประสบการณ์ด้านการช่วยเหลือประชาชนและสังคม รวมถึงด้านกฎหมาย และพร้อมที่จะเข้าไปร่วมผลักดันร่างกฎหมายต่าง รวมทั้งการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานราชการและฝ่ายบริหาร เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนในส่วนรวม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น