เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2554 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.อ.โกมล วัชรากรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รอง ผกก.ปป.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมเจ้าหน้าชุดจับกุม และนายทรงกรด ชูศรี ตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจจาก บริษัท โนเกียร์ คอร์ปอเรชั่น เจ้าของลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้ายี่ห้อโนเกีย ร่วมกันแถลงการณ์จับกุม นายฐนพล ลือแทน อายุ 31 ปี ภูมิลำเนา จ.ระนอง ได้ที่บ้านเลขที่ 70/152 ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก หมู่ 3 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางโทรศัพท์มือถือซึ่งปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อต่างๆ ได้แก่ โนเกีย แอปเปิล แบล็คเบอรี่ แอลจี โซนี่อีริคสัน รวมจำนวน 203 เครื่อง นอกจากนี้ยังมีใบปลิวโฆษณาแสดงรายการสินค้า และสมุดบันทึกรายชื่อลูกค้า โดยกล่าวหาว่า จำหน่าย เสนอจำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม หรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น ซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร และช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามหรือข้อจำกัด
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้มีคำสั่งให้กวดขันปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการกระทำความผิดทรัพย์สินทางปัญญา ภาค 8 สืบสวนทราบว่า บ้านเลขที่ 70/152 ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก หมู่ 3 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งมีนายฐนพล เป็นผู้ครอบครองได้ลักลอบใช้บ้านหลังดังกล่าวเป็นโกดังกักตุนสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร แล้วจำหน่ายให้กับร้านค้าปลีกย่อยในจังหวัดภูเก็ต จึงได้ยื่นขอหมายศาลจังหวัดภูเก็ต เมื่อได้รับอนุมัติก็ได้นำไปขอตรวจค้นบ้านดังกล่าว โดยมีนายฐนพล แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน
จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบเครื่องโทรศัพท์มือถือของกลางซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน เมื่อสอบถามจากนายฐนพล ก็รับสารภาพว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของตน โดยทราบว่าเป็นสินค้าที่ปลอมหรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น ซึ่งได้ซื้อมากักตุนไว้เพื่อจำหน่ายให้กับร้านค้าปลีกย่อยในจังหวัดภูเก็ต
ด้านตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจจาก บริษัท โนเกียร์ คอร์ปอเรชั่น เจ้าของลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้ายี่ห้อโนเกีย กล่าวว่า มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท โดยเครื่องที่ทำปลอมยี่ห้อสินค้านั้นจะขายต่ำกว่าเครื่องที่ถูกกฎหมายประมาณ 3 – 4 เท่านั้น เนื่องจากเครื่องปลอมมีต้นทุนที่ต่ำมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของโทรศัพท์ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น