กรณีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาเท่าเข่าสีดำ ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว สวมหมวกแก๊ปสีดำหันปีกไว้ข้างหลังขี่รถ จยย.ฮอนด้าคลิกสีขาว ทะเบียน ขทค 6 ภูเก็ตขับมาจอดหน้าร้านทองธเนศ 2 เลขที่ 28 ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ตแล้วบุกเดี่ยวเข้ามาใช้ปืนปลอมขู่บังคับให้ลูกสาวเจ้าของร้านวัย 13 ปีเปิดตู้โชว์ทอง กวาดสร้อยคอทองรูปพรรณน้ำหนักรวมกว่า 200 บาท มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท แล้วขับรถจยย.ที่จอดสตาร์ทเครื่องอยู่หน้าร้านหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่พบรถ จยย.คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้ภายในซอย 5/3 หมู่บ้านดังกล่าว โดยมีรถกระบะฟอร์ดสีดำไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมารับและหลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย
ความคืบหน้าในการไล่ล่าคนร้ายล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 5 มิถุนายน 54 พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วยพ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รอง.ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต นำกำลังสายตรวจและชุดสืบสวนไปตรวจสอบหาหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยมีนางจันทนา ธเนศธนสมบัติ อายุ 52 ปี เจ้าของร้านและครอบครัวให้ข้อมูล
พ.ต.อ.โชติ ชิตไชย ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด พบว่าคนร้ายใส่หน้ากากที่มีแว่นตาและจมูกปลอม มีขายตามร้านของเล่นหรือตลาดนัดทั่วไปเพื่ออำพรางใบหน้าที่แท้จริง โดยไม่ต้องสวมหมวกกันน๊อค เพื่อให้เจ้าของร้านไม่เกิดความสงสัยและเปิดประตูอัตโนมัติเข้าไปภายในร้านได้อย่างง่ายดาย ซึ่งคิดว่าเป็นลูกค้าทั่วไป ส่วนรถ จยย.ที่คนร้ายนำมาใช้ก่อเหตุแล้วนำไปจอดทิ้งไว้ภายในซอย 5/3 หมู่บ้านอนุภาษมโนรม ถ.อนุภาษตัดใหม่ ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ตห่างจากจุดเกิดเหตุราว 1.5 กม.
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ตำรวจภุธร จ.ภูเก็ต และชุดสืบกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 จัดกำลังเจ้าหน้าที่หลายชุดออกไล่ล่าตัวตัวคนร้าย คาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้จะยังอยู่ในพื้นที่ นอกจากนี้ได้ให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมหลักฐานเสนอต่อศาล จ.ภูเก็ต จนสามารถออกหมายจับนายเอก ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลและที่อยู่จริงตามรูปพรรณที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิด เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยมีอายุความ 15 ปี และถ้าผู้ใดสามารถชี้เบาะแสหรือแหล่งกบดานของคนร้ายจนสามารถจับกุมได้ เจ้าของร้านจะมีเงินรางวัล 1 แสนบาท ส่วนการสอบปากคำพยานนั้น ขณะนี้ได้สอบไปแล้วหลายปากรวมทั้งเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายยืมมาใช้ก่อเหตุ โดยเจ้าของรถจักรยานยนต์อ้างว่าคนร้ายอ้างว่าเป็นคนจังหวัดเดียวกันและรู้จักเมื่อประมาณสัก 3 – 4 เดือนที่ผ่านมา เพราะมาเช่าห้องที่อาพาท์เมนส์มาแล้วหลายครั้งทำให้สนิทกัน
ด้านนางจันทนา ธเนศธนสมบัติ อายุ 52 ปีเจ้าของร้านทองธเนศ 2 ได้กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุหลังจากคนร้ายได้จี้บังคับกวาดทองรูปพรรณไปจำนวนประมาณ 216 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท นี้ยังไม่รวมเส้นเล็กๆ อีก หลังเกิดเหตุได้กดสัญญาณเตือนภัยที่ติดตั้งไว้ใต้เคาน์เตอร์ตู้ทอง เพื่อแจ้ง 191 ทราบว่าร้านถูกปล้น แต่สัญญาณกลับไม่ดัง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ทำให้คนร้ายสามารถหลบหนีไปได้อย่างลอยนวล โดยสัญญาณเตือนภัยของทางร้านได้ให้บริษัทติดตั้งและเช็คระบบทั้งหมดไปเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ทุกอย่างสมบูรณ์ โดยเชื่อว่าระบบที่ขัดข้องน่าจะอยู่ที่ศูนย์วิทยุ 191 มากกว่า ทั้งนี้ทางร้านจะมีเงินรางวัลมอบให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสคนร้ายจนสามารถจับกุมได้ 1 แสนบาท และถ้าสามารถนำทองรูปพรรณกลับมาคืนได้ ไม่ว่าจะจำนวนเท่าใด ทางร้านจะมอบเงินให้กับผู้แจ้งหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถยึดทองกลับมาได้อีก 30 เปอร์เซ็นต์ของราคาทองในขณะนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น