เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 54 ที่สำนักงาน กกต.ภูเก็ต นายนราชัย โลหะกิจ เป็นผู้รับมอบอำนาจจากนายจิรายุส ทรงยศ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเขต 2 พรรคภูมิใจไทย ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต ผ่านทางนายกิตติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผู้อำนวยการสำนักงาน กกต.ภูเก็ต เรื่องนายเรวัต อารีรอบ สถานะผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดภูเก็ต เขต 2, นางอัญชลี วานิช เทพบุตร สถานะผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดภูเก็ต เขต 1และนายสมคิด สุภาพ ผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งของบุคคลทั้งสอง ได้ร่วมกันกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง
โดยเนื้อหาของเอกสารร้องเรียนสรุปว่า เมื่อประมาณปลายเดือนพฤษภาคม 2554 จนถึงวันที่ 7 มิถุนายน 2554 บุคคลทั้งสาม ได้ร่วมกันจัดทำแผ่นป้ายโฆษณาหาเสียงที่มีรูปของบุคคลทั้งสอง พร้อมรูปแสดงผลงานตลอดจนหมายเลขประจำผู้สมัครหมายเลข 10 และติดตั้งทั่วพื้นที่ในเขตเลือกตั้งที่ 2 เช่น ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เป็นต้น ทั้งที่นางอัญชลี วานิช เทพบุตร มิได้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเขตที่ 2 แต่อย่างใด และนางอัญชลี ก็มิได้เป็นบุคคลสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคฯ ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2554 ปรากฏข้อเท็จจริงตามภาพพิมพ์จากหน้าเวปไซต์ของพรรคประชาธิปัตย์
การกระทำของบุคคลทั้งสามจึงเป็นการทำให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 เกิดความสับสนเกี่ยวกับตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 10 และเข้าใจผิดในการจะใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการหาเสียง ข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามมิให้ปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. และการดำเนินการใดๆ ของพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พ.ศ.2550 ข้อ 4(4) ที่กำหนดให้แผ่นป้ายโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง มีได้เฉพาะชื่อ รูปถ่าย หมายเลขประจำตัวผู้สมัคร รูปถ่ายที่เกี่ยวกับตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น ซึ่งบุคคลทั้งสามควรจะทราบถึงระเบียบดังกล่าวและแนวทางการปฏิบัติดังกล่าวที่ประมวลคำถาม-คำตอบข้อหารือในการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2550 ข้อ 6 และข้อ 32.10 ที่สำนักงาน กกต.ได้จัดทำและเผยแพร่ในเวปไซต์ของสำนักงานฯ ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน การกระทำดังกล่าวจึงถือเป็นการกระทำที่จงใจฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับ กกต.เพื่อให้การเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
ดังนั้นจึงขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งและคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ตดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนและการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2554 และดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 103 ต่อไป
ขณะที่นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบรายละเอียดการร้องเรียนซึ่งมีเอกสารประกอบครบถ้วนเป็นไปตามระเบียบที่กำหนด หลังจากนี้ก็จะต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยตั้งอนุกรรมการสอบสวน เมื่อได้ข้อมูลรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้นำเสนอต่อ กกต.จังหวัด และกกต.กลางต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น