เมื่อค่ำของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ปางช้างเอทีวี ซีวิว ออนทัวร์ ม.10 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วย พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ผู้ช่วย ผบ.ตร. และคณะ ได้มาติดตามการตรวจยึดลูกช้าง ชื่อ พลายป๊อบอาย หรือป๊อบหรือฟลุ๊ค อายุ 1 ปีเศษ และถูกระบุว่าเป็นลูกของแม่พังแสนคำ ซึ่งตรวจสอบพบว่าไม่มีตั๋วรูปพรรณช้าง โดยปางช้างดังกล่าวได้เช่าลูกช้างมาเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2554 – 23 สิงหาคม 2555 และการตรวจยึดลูกช้าง ชื่อพลายบุญหลายหรือโจอี้ อายุ 1 ปีเศษ ลูกแม่พังน้องแป้ง ซึ่งไม่มีตั๋วรูปพรรณช้าง โดยทางบริษัทลากูน่า เอ็กซ์เคอร์ชั่น จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง เช่ามาในระหว่างวันที่ 6 กรกฎาคม 2554 ถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2555
โดยเจ้าหน้าที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำโดย พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.).เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก.2 (ภูเก็ต) เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 (กระบี่) เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้นำหมายศาลจังหวัดภูเก็ต เลขที่ 67,68,69 และ 70 เข้าตรวจยึดเมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน (27 ก.พ.55) จำนวน 4 ปางช้าง ประกอบด้วย ปางช้างบริษัทลากูน่า เอ็กซ์เคอร์ชั่น จำกัด ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ปางช้างเอทีวี ซีวิว ออนทัวร์ ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ปางช้างบริษัทสยามซาฟารี จำกัด ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต และปางช้างบริษัทแอดชิลล์ แอดเวนเจอร์ทัวร์ ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต และทางเจ้าหน้าที่ได้นำลูกช้างทั้ง 2 เชือก ไปบริบาลไว้ที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว อ.ถลาง เพื่อรอส่งต่อให้ทางศูนย์คชบาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ต่อไป
นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า การเข้าตรวจยึดลูกช้างทั้งสองเชือกนั้น เป็นผลมาจากลักลอบฆ่าช้างในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และได้มีการตรวจสอบปางช้างไทรโยค พบว่ามีการให้เช่าลูกช้างมาที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งจากการตรวจสอบแม่ของช้างทั้งสองเชือกไม่มีตั๋วรูปพรรณช้าง จึงถือว่าเป็นช้างป่า ทำให้ลูกช้างก็ต้องกลายเป็นช้างป่าไปด้วย ซึ่งในการเข้าตรวจสอบได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งนี้ได้ชี้แจงกับผู้ประกอบการไปแล้วในการดำเนินนั้นก็จะว่าไปตามหลักฐาน ซึ่งกรณีที่เช่ามานั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะจะต้องดูเจตนารมณ์ด้วย
“กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะร่วมกับตำรวจจัดระเบียบปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะปัญหาช้างป่าที่นำมาตีตั๋วจะต้องเข้านำระบบทั้งหมด เพื่อป้องกันการสวมตั๋วรูปพรรณหรือการนำช้างป่ามาเป็นช้างบ้าน ซึ่งการยึดลูกช้างจากปางช้างที่ จ.ภูเก็ต เนื่องจากเป็นของกลาง ที่มาจากผลการตรวจปางช้างที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งพบว่ามีการเช่าลูกช้างมาอยู่ที่ภูเก็ต หากตรวจสอบแล้วไม่มีตั๋วรูปพรรณมาแสดงถือว่าเป็นช้างป่า นอกจากนี้เนื่องจากมีหลายหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือกันหลายฝ่าย ซึ่งในการตรวจสอบก็จะดำเนินการตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงานดูแล เช่น ป่าไม้ก็ดูกฎหมายของป่าไม้ ก็ต้องตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่ เป็นต้น เนื่องจากที่ตั้งของปางช้าง 3 แห่งในพื้นที่ ต.ฉลองนั้นตั้งอยู่ติดกับพื้นที่ของป่าสงวนแห่งชาติเขานาคเกิด ซึ่งทางเจ้าหน้าได้ดำเนินการตรวจหาพิกัดที่ชัดเจน เบื้องต้นพบว่าบางส่วนอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนฯ โดยได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว ทั้งนี้ทางผู้ประกอบการสามารถที่จะนำหลักฐานมายืนยันได้”
อย่างไรก็ตามนายดำรง กล่าวด้วยว่า นอกจากการยึดลูกช้างไปสองเชือกแล้ว ในส่วนของช้างแต่ละปางทั้ง 4 ปาง นั้นก็ได้มีการอายัดไว้เพื่อตรวจสอบรายละเอียดว่าตรงกับตั๋วรูปพรรณที่นำมาแสดงหรือไม่ อีกประมาณ 37 เชือก เบื้องต้นพบมีช้างเชือกหนึ่งมีรูปพรรณไม่ตรงกับที่ระบุในตั๋วรูปพรรณช้าง ซึ่งก็จะต้องตรวจสอบความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกรณีการนำอวัยวะช้างหรือชิ้นส่วนช้างมาทำอาหารขายให้กับนักท่องเที่ยวในภูเก็ตนั้นยังตรวจสอบไม่พบ แต่ก็ยังมีการติดตามอยู่ หลังจากพบว่ามีการรับซื้อที่ จ.เพชรบุรี โดยตำรวจกำลังสืบสวนหาแหล่งปลายทางว่าขายเนื้อช้างไปที่ไหน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น