เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องรับรองศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ โฆษกกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ได้เข้ารับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวชุมชนกิ่งแก้ว หมู่ที่ 3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากนายสุรศักดิ์ อุดม ประธานชุมชนกิ่งแก้ว และนายประวิทย์ รัตนพันธ์ ตัวแทนของชุมชนฯ กรณีมีผู้นำหลักฐาน สค.1 เลขที่ 13 หมู่ 3 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ มายื่นให้ทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตทำการรังวัดขอออกโฉนด เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวมีชาวบ้านอาศัยอยู่จำนวนประมาณ 2,000 คน ด้วยเข้าใจว่าเป็นพื้นที่ป่าชายเลนเสื่อมโทรม พร้อมกันนี้ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมเพื่อให้มีการตรวจสอบหลักฐานข้อเท็จจริง และพิสูจน์สิทธิ ถึงนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยผ่านทางโฆษกกระทรวงมหาดไทยด้วย โดยมีนายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล
สำหรับที่ดินซอยกิ่งแก้วนั้นนายปรีดา อุดมทรัพย์ ได้นำหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 13 หมู่ที่ 3 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เนื้อที่ 300 ไร่ มีชื่อนางสดสี อุดมทรัพย์ เป็นผู้แจ้งครอบครอง เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2498 สภาพที่ดินเป็นสวนจาก ได้มาโดยการสับสร้างเมื่อปี 2467 ยื่นขอรังวัดออกโฉนดที่ดินตามคำขอฉบับที่ 20483/2548 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2548 ได้รังวัดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2548 เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวมีผู้บุกรุกเข้าอยู่อาศัย จึงทำให้ในวันรังวัดผู้ขอไม่สามารถนำชี้ได้ เพราะมีผู้บุกรุกจำนวนมาก่อต้านคัดค้าน ผู้ขอจึงได้ของดรังวัดและเลื่อนการรังวัดใหม่ ต่อมาผู้ขอได้มาติดต่อและขอนัดรังวัดใหม่ สำนักงานที่ดินจังหวัดจึงได้นัดรังวัดในวันที่ 19 มกราคม 2555 แต่เนื่องจากมีผู้บุกรุกเข้าอยู่อาศัยในที่ดินแปลงนี้และได้ขัดขวางการรังวัด ผู้ขอไม่สามารถเข้าไปนำชี้แนวเขตได้ จึงของดรังวัดไว้ก่อน และได้มีการนัดรังวัดใหม่ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งผู้ขอไม่ได้มารับช่วงรังวัดแต่อย่างใด ทั้งนี้ทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตได้ตรวจสอบระวางแผนที่แล้วปรากฏว่า ที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนคลองบางชีเหล้า-คลองท่าจีน ซึ่งได้ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวงฉบับที่ 16 (พ.ศ.2501) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่าพุทธศักราช 2481 แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าแปลงที่ผู้ขอนำมารังวัดกับ ส.ค.1 เป็นแปลงเดียวกันหรือไม่ เนื่องจากการรังวัดตรวจสอบยังไม่แล้วเสร็จ และยังไม่ได้ทำการรังวัด จึงยังไม่สามารถทราบแนวเขตที่แน่นอนได้
นายพิพัฒน์ชัย กล่าวภายหลังรับฟังข้อมูลและคำชี้แจงว่า จากที่ได้รับฟังข้อมูลของทางชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ที่ดิน ก็ได้ให้ทางจังหวัดตั้งคณะกรรมการในการลงไปตรวจสอบรังวัดร่วมกับทางสำนักงานที่ดินเพื่อให้เกิดความชัดเจน โดยให้ชาวบ้านซึ่งมี 3 กลุ่มส่งตัวแทนมากลุ่มละ 1 คน ตัวแทนของผู้ยื่นคำขอรังวัด 1 คน ตัวแทนจากทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตัวแทนของตน 2 คน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และจะได้ชัดเจนว่าเอกสารที่นำมายื่นขอออโฉนดนั้นถูกต้องหรือไม่ โดยทางชาวบ้านขอเวลา 15 วันในการไปตั้งตัวแทนเข้ามานับจากวันนี้ (24 ก.พ.55) จากนั้นก็จะได้ลงไปตรวจสอบรังวัด ซึ่งหากผลการพิสูจน์จะออกมาเป็นเช่นไรก็ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนายประวิทย์ รัตนพันธ์ ตัวแทนของชุมชนฯ กล่าวว่า พื้นที่บริเวณซอยกิ่งแก้วนั้นมีจำนวนประมาณ 500 ไร่ แต่ที่มีการขอออกโฉนดนั้นประมาณ 300 ไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าวมีชาวบ้านอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากประมาณ 2,000 คน และอยู่อาศัยกันมาเป็นเวลานานแล้ว ด้วยเข้าใจว่าเป็นพื้นที่ป่าชายเลนเสื่อมโทรม แต่ไม่เข้าใจว่ามีผู้มีเอกสารสิทธิได้อย่างไร จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบให้ชัดเจน รวมทั้งขอให้เข้าไปดูแลเรื่องของสาธารณูปโภคต่างๆ ด้วย
ขณะที่นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ยังคงไม่สามารถสรุปได้จนกว่าจะได้เข้าไปดำเนินการรังวัดแนวเขต เพื่อจะได้ตรวจสอบว่า หลักฐาน ส.ค.1 ที่มีการนำมาแสดงนั้นเป็นแปลงเดียวกับที่ชาวบ้านอาศัยอยู่หรือไม่ ซึ่งเมื่อดำเนินการตรวจรังวัดแล้วเสร็จ ก็จะได้ตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น