เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2555 นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยนายเมธี ตันมานะตระกูล ที่ปรึกษาสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ นายสรายุทธ มัลลัม และนายภูริต มาศวงศ์ศา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เข้าพบนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ห้องทำงานศาลากลางจังหวัดภูเก็ตเพื่อหารือมาตรการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุ
ฆ่าชิงทรัพย์นางสาวสมิทธ มิเชล อลิชซาเบท และทำร้ายนางสาวลินนี่ แทมมี่ ลี ชาวออสเตรเลีย ได้รับบาดเจ็บสัญชาติออสเตรเลีย
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบกับการท่องเที่ยวในภาพรวมค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากมีเอเย่นต์สอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนของประเทศออสเตรเลียจากเมืองเพิร์ธ เนื่องจากเป็นตลาดสำคัญและมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากอยู่อันดับ 1-2 ของภูเก็ต ประกอบนักท่องเที่ยวทั้งสองรายยังเป็นเอเย่นต์ของบริษัทนำเที่ยวด้วย ดังนั้นจึงอยากให้เร่งจับตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพื่อลดแรงกดดันที่เกิดขึ้น รวมทั้งมาตรการในการป้องกันในระยะยาว
“แก้ปัญหาแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก ต้องพยายามเร่งรัดจับกุมคนร้ายมาลงโทษให้ได้โดยรวดเร็ว อย่างน้อยสุดเพื่อจะลดแรงกดดันทางฝ่ายออสเตรเลียลง ว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจมีประสิทธิภาพในการติดตามจับกุมคนร้าย ส่วนในระยะต่อไป เป็นเรื่องการสร้างมาตรการในการดูแลนักท่องเที่ยว โดยเชิญฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทางจังหวัด ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน มาหาแนวทางการและวางมาตรการดูแลความปลอดภัยร่วมกัน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น เพราะยังมีอุบัติเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจมน้ำ อุบัติเหตุจราจร การเอาเปรียบนักท่องเที่ยวต่างๆ โดควรมีการจัดประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับภาคเอกชนอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพราะจะได้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที” นายสมบูรณ์กล่าว
ขณะที่นายไพบูลย์ กล่าวว่า อยากให้มีการนำปัญหาทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเข้าไปพูดคุยกันในคณะกรรมการการท่องเที่ยวจังหวัด เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกัน เพราะที่ผ่านมาแม้จะรู้ปัญหาแต่เรายังขาดความร่วมมือที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุบัติเหตุจากการจราจร การลงเล่นน้ำทะเลในเวลากลางคืนและอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการขอความร่วมมือในการแจ้งเอกสารหรือแจ้งทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวแต่ปรากฏว่าไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบบางแห่งเท่าที่ควร และหวังจะพึ่งหน่วยงานภาครัฐเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะกำลังและงบประมาณจำกัด ดังนั้นภาคเอกชนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วม และมีการปรับรูปแบบให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไฟฟ้าแสงสว่าง การติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อมาเสริมกำลังของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ฝากในส่วนของผู้ประกอบการโรงแรมทำการสำรวจภายในพื้นที่ว่าจุดเสี่ยงบริเวณใดบ้าง พร้อมวางแนวทางการแก้ไขเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลกลางจะต้องให้ความสำคัญในการสนับสนุนงบประมาณเพื่อติดตั้งกล้อง
วงจรปิดหรือ CCTV เพราะงบของท้องถิ่นมีจำนวนไม่มากนัก เข้าใจว่าหากจะติดตั้งให้ครอบคลุมทั้งเกาะจะต้องใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือใช้ประมาณ 10,000 ตัว ฝากรัฐบาลช่วยดูแลจังหวัดภูเก็ตด้วย หรือให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี สำหรับการตัดตั้งกล้องวงจรปิดที่ อบจ.ภูเก็ตติดตั้งไปแล้วมีประมาณ 250 ตัว และการติดตั้งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ อีกประมาณ 1,000 ตัว ซึ่งยังไม่เพียงพอ เพราะในต่างประเทศเมืองสำคัญที่มีกล้องวงจรปิดเป็นล้านตัว ฉะนั้นฝากรัฐบาลเห็นความสำคัญในเรื่องนี้และจะต้องจัดงบประมาณสำหรับดูแลรักษาด้วย
ทางด้านนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวยืนยันว่า คดีที่เกิดขึ้นจะสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างแน่นอน เพราะได้รับการยืนยันจากทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตแล้วว่ารู้ตัวคนร้าย และที่อยู่ของคนร้ายทั้ง 2 คนแล้ว รวมทั้งยังได้มีการเข้าไปประกบตัวไว้แล้วด้วย นอกจากนี้ในส่วนของทางจังหวัดตนก็ได้มีการทำหนังสือแสดงความเสียใจในนามของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตไปยังญาติของผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ รวมถึงในส่วนของสถานทูตออสเตรเลียด้วย ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวซึ่งมีปัญหาค่อนข้างมาก แม้จะกำชับสั่งการไปแล้ว แต่ด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ภายในจังหวัดจำกัดทำให้สามารถดำเนินการได้ระดับหนึ่ง ได้มีการร้องขอกำลังไปยังรัฐบาลและได้ส่งสัญญาณตอบรับมาถึงจังหวัดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ดูแลปัญหาที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในภาพรวม และได้มีการประชุมที่กรุงเทพมหานครไปครั้งหนึ่งแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น