จากกรณีที่ 2 คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ ก่อเหตุชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย คือ นางมิเชลล์ อลิซเบท สมิท อายุ 60 ปี สัญชาติออสเตรเลีย เสียชีวิต และนางแทมมี ลี ลิน อายุ 42 ปี ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่บริเวณถนนกะตะน้อย ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุทั้ง 2 รายได้ และมีการนำมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มิถุนายน 2555
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
นายสมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานกรรมการบริหารโรงแรมกะตะธานี ภูเก็ต บีช รีสอร์ท กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณและชมเชยเจ้าหน้าตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่สามารถคลี่คลายคดีและจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้ในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะกล้องวงจรปิด ตลอดจนประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแส และตนก็ได้ติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่มาตลอด ซึ่งการทำงานในครั้งนี้มีการทำงานกันเป็นทีมเวิร์คมาก
อย่างไรก็ตามผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นในช่วงแรกที่เกิดเหตุแต่ก็ไม่มากนัก ซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ก็ทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นยิ่งลดน้อยลง และเป็นการกู้ภาพลักษณ์ได้เป็นอย่างมาก ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้บาดเจ็บที่เดินทางกลับไปประเทศแล้วก่อนหน้านี้ก็บอกว่าพร้อมที่จะเดินทางมาที่ภูเก็ตอีก นายสมบัติกล่าว และกล่าวด้วยว่า ในการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้นอยากให้ทุกคนช่วยตัวเองก่อนเป็นเบื้องต้น ซึ่งในส่วนของทางโรงแรมเองหลังจากนี้ก็จะได้มีการเสริมในส่วนของพื้นที่ที่อาจจะเป็นจุดอ่อน เพื่อให้การดูแลที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ทางด้าน Mr. Lee Mornane อายุ 50 ปี นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากสำหรับภูเก็ตที่มีเหตุการณ์ขึ้นแบบนี้ ซึ่งตนได้ทราบเรื่องก่อนที่จะเดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต และทางครอบครัวก็ได้โทรมาสอบถาม และแสดงความห่วงใยในการที่จะเดินทางเข้ามาพักผ่อนในจังหวัดภูเก็ตซึ่งขณะนั้นตนได้ทำการท่องเที่ยวอยู่ในประเทศสิงค์โปร์ เมื่อมาถึงภูเก็ตในวันที่ 22 มิถุนายน 2555 ได้เข้าพักที่โรงแรมกะตะธานี รู้สึกชอบบรรยากาศในจังหวัดภูเก็ต ผู้คนอัธยาศัยดี อากาศไม่หนาวเหมือนในออสเตรเลีย ซึ่งเท่าที่มีการติดตามข่าวการจับกุมตัวคนร้าย และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษได้
ขณะที่ Mr. Tony Clarke อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ตายและได้มาดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของคนร้าย ได้กล่าวว่า เมื่อตนเห็นคนร้ายที่มาทำแผนประกอบรับคำสารภาพนั้น รู้สึกโกรธผู้ต้องหาเป็นมาก จนเกือบจะควบคุมอารมณ์ที่จะเข้าไปประชาทัณฑ์ไม่อยู่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ห้ามเอาไว้ เนื่องจากตนรู้จักกับผู้ที่เสียชีวิตและเป็นเพื่อนที่ดีกันมาหลายปี เหตุการณ์นี้เป็นความโชคร้ายที่ผู้เสียชีวิตได้มาอยู่ในพื้นที่และเวลาที่อันตราย ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกแห่งทั่วโลก แต่เจ้าหน้าที่ก็จะต้องมีมาตรการจับกุมคนร้ายและป้องกันไม่ให้เหตุร้ายแบบนี้เกิดขึ้น เท่าที่ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกับการดำเนินคดีในกรณีนี้มีความพึงพอใจที่กับการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น